หน้าเว็บ

2559/12/03

ขายปลีก ร้องเท้าแฟชั่น กระเป๋าแฟชั่น แบรนด์นำเข้า Diva Fashion สวยๆ พร้อมส่ง | Fashion-Lover






ขายปลีก ร้องเท้าแฟชั่น กระเป๋าแฟชั่น แบรนด์นำเข้า Diva Fashion สวยๆ พร้อมส่ง | Fashion-Lover

รองเท้าแฟชั่น เช่น ส้นเตี้ย ส้นสูง คัทชู ส้นเตารีด บูท ผ้าใบ เพื่อสุขภาพ และ กระเป๋าแฟชั่น เช่น กระเป๋าสะพายข้าง กระเป๋าถือ กระเป๋าครัช กระเป๋าเป้ กระเป๋าสตางค์ แบรนด์นำเข้า สวย สินค้าพร้อมส่ง

http://www.fashion-lover.com

รองเท้าแฟชั่น,กระเป๋าแฟชั่น,รองเท้าส้นเตี้ย,รองเท้าส้นสูง,รองเท้าคัทชู,กระเป๋าสะพายข้าง,กระเป๋าถือ,กระเป๋าครัช,กระเป๋าเป้,กระเป๋าสตางค์

สนใจสั่งซื้อผ่านหน้าเว็บไซต์  หรือ แอดไลน์ไอดี  healtoffice



เครดิต : http://www.fashion-lover.com/

2559/11/28

เว็บไซต์สำเร็จรูป เว็บแม่ทีม เว็บMLM เว็บเครือข่าย เว็บธุรกิจเครือข่าย เว็บขายตรง

เว็บไซต์สำเร็จรูป เว็บแม่ทีม เว็บMLM เว็บขยายสายงาน เว็บเครือข่าย เว็บขายตรง เว็บธุรกิจเครือข่าย เว็บขายตรง
เว็บไซต์สำเร็จรูปที่เข้าใจคนไทย

ทราบหรือไม่ว่า เว็บไซต์ที่เห็นอยู่ขณะนี้ ใช้เครื่องมือเดียวกับเว็บสำเร็จรูปที่ท่านสนใจ หรือกำลังจะสั่งซื้ออยู่ตอนนี้ เป็นเครื่องมือชุดเดียวกันทั้งหมด ความสามารถเดียวกันทั้งหมด ถ้าหากเว็บที่ท่านเห็นอยู่นี้สามารถทำอะไรได้ เว็บที่ท่านกำลังจะตัดสินใจซื้อ ทำได้เช่นกัน ซึ่งเว็บสำเร็จรูปเวอร์ชั่นนี้มีความหลากหลายในการใช้งาน สามารถพัฒนาเว็บได้หลายรูปแบบ รองรับการแสดงผลกับทุกอุปกรณ์ สามารถใช้ออกแบบให้มีความสวยงามตามต้องการของท่านได้ใน ราคาเริ่มต้นเพียง 2900 บาท ตัวผมเองใช้เครื่องมือเว็บตัวนี้ ออกแบบเว็บ ให้ลูกค้าในราคาหลายหมื่นบาท และการทำเว็บไซต์แบบนี้ ไม่ใช้เรื่องง่าย ต้องมีความรู้ในการเขียนโค๊ดและภาษาที่มีความซับซ้อนและยุ่งยาก แต่ด้วยเครื่องมือตัวนี้ การสร้างเว็บจะง่ายสำหรับทุกคน
อย่าเชื่อจนกว่าคุณจะได้สัมผัสด้วยตัวคุณเอง

เว็บที่ใครๆ ก็ทำได้
การสร้างเว็บไซต์จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะใครๆ ก็ทำเว็บได้ เว็บสำเร็จรูปนี้เหมาะกับใครบ้าง มันเหมาะกับ บริษัทขนาดใหญ่ บริษัทขนาดกลาง ห้างร้านต่างๆ พ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ แม่ทีมที่ต้องการเว็บขยายสายงาน หรือ เวปขายตรง นักเรียนนักศึกษา และบุคลทั่วไป สรุปคือเหมาะกับทุกคน

หากเราไม่มีความรู้ในการเขียนเว็บเลย การสร้างเว็บ Responsive หรือ เว็บ Parallax นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยโปรแกรมของเรา จะทำให้เราสามารถสร้างเว็บไซต์ได้หลากหลาย และทันสมัยมากๆ โดยที่เราไม่ต้องมีความรู้ในการเขียนเว็บเลยแม้แต่น้อย

ทำไมต้องเลือกเรา
เพราะเราคือ เจ้าของ Server เอง ที่ตั้งอยู่ที่การสื่อสารแห่งประเทศไทย
เพราะเรา คือ Reseller ของ Onlinenic และ Reseller Club ซึ่งเป็นนายทะเบียนของ ICANN ผู้ดูแลอินเตอร์เนตทั่วโลก
เพราะเรา คือ ผู้พัฒนาโปรแกรมการตรวจสอบรายได้ และตรวจสอบสายงาน ของบริษัท MLM หลายบริษัท
เพราะเรา คือ เว็บไซต์ที่ได้รับความไว้วางใจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ขอข้อมูลสภานภาพพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย พ.ศ. 2550 หนังสือเลขที่ ทก 0507/ว1507
เพราะเรา คือ เว็บไซต์ที่จดทะเบียนพานิชย์ กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าถูกต้อง ทะเบียนเลขที่ 1339900005959
ตั้งแต่ปี 2549



ขอบคุณบทความจาก : http://www.mlmthaicenter.com/

2559/11/25

ธุรกิจเครือข่าย mlm งานออนไลน์ เพื่อหา รายได้เสริม คุณก็ทำได้

ธุรกิจเครือข่าย mlm งานออนไลน์ เพื่อหา รายได้เสริม คุณก็ทำได้

ด้วยเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ทำให้หลาย ๆ คนมองหาช่องทางเพื่อเพิ่มรายได้ ทำงานเสริม อาชีพเสริม ซึ่งก็มีหลายช่องทาง ช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจในยุคอินเตอร์เน็ต คือการทำงานผ่านเน็ต หรือ งานออนไลน์ ถ้าคุณเข้ามาอ่านในบทความนี้ แน่นอนว่าคุณต้องสนใจใน ธุรกิจเครือข่าย โดยเฉพาะ ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ ธุรกิจนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้เราจริงหรือ! แล้วต้องทำอย่างไร และคุณกำลังต้องการคำตอบให้กับตนเองใช่หรือไม คุณมาถูกทางแล้ว!!


บทความ แห่งนี้ ดิฉันจะบอกถึงวิธีการทำธุรกิจเครือข่าย (Network Marketing หรือ mlm) อาจเน้นไปทางด้านธุรกิจเครือข่ายออนไลน์มากหน่อย เพราะผมว่ามันก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ถ้าทำงานผ่านเน็ต แล้วมีรายได้เข้ามา แต่งานทุกงานถ้าอยากประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นประตู่สู่การสร้างรายได้ หารายได้เสริม อย่างมั่นคงและยั่งยืน คุณต้องพร้อมที่จะเรียนรู้และลงมือทำ

เรา มีประสบการณ์จากการทำธุรกิจเครือข่ายออฟไลน์มานานพอสมควร ก่อนที่จะมาเรียนรู้และทำธุรกิจเครือข่ายออนไลน์อย่างจริง ๆ จัง ๆ ซึ่งทั้งออฟไลน์ หรือออนไลน์ มันมีความแตกต่างตรงวิธีการทำ (จะเล่าให้ฟังภายหลัง) แต่ที่เหมือนกัน ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ก็คือคุณต้องเลือกบุคคล และ บริษัท ที่เราจะร่วมทำงานด้วย เพราะนั่นหมายถึงความสำเร็จของคุณ ถ้าคุณเป็นหนึ่งที่ไม่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจเครือข่ายใหม่อยู่เรื่อย ๆ เรามีความคิดเหมือนกันค่ะ

เราอยากให้คุณพิจารณาก่อนตัดสินใจ และก่อนจ่ายเงินลงไป เพื่อต้องการจะหารายได้เสริม และ ทำงานผ่านเน็ต ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเงินมากหรือน้อยที่คุณายไป คุณก็ควรได้รับรู้ข้อมูลได้เรียนรู้เพื่อการตัดสินใจ


เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.pgplusgold.com/

ธุรกิจเครือข่าย หรือ mlm คืออะไร เรา ตอบได้บ้าง

ธุรกิจเครือข่าย หรือ mlm คืออะไร

ปัจจุบันนี้เราจะได้ยินคำว่าธุรกิจเครือข่ายกันมากขึ้น ธุรกิจเีครือข่ายคืออะไร ดิฉันจะมาบอกเล่าให้ฟังค่ะ

ธุรกิจเครือข่าย (Network Marketing) อีกความหมายหนึ่งก็คือ ธุรกิจขายตรง หรือการตลาดขายตรง (Direct Sale Marketing) ซึ่งแบ่งออกเป็นการตลาดขายตรงแบบชั้นเดียว (Single Marketing) และการตลาดขายตรงแบบหลายชั้น (Multi-level Marketing) ดังนั้นธุรกิจเครือข่าย หรือ ธุรกิจขายตรง ที่กล่าวถึงกันในขณะนี้ จึงถึงหมายธุรกิจเครือข่ายแบบหลายชั้น (MLM)

ธุรกิจเครือข่ายแบบหลายชั้นหรือเรียกสั้น ๆ ว่าธุรกิจเครือข่าย (MLM) คือรูปแบบทางการตลาดช่องทางหนึ่ง ที่ต้องการนำสินค้าจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค ช่องทางที่ว่านี้ใช้บุคคลเป็นคนโฆษณาสินค้า บอกเล่าเรื่องราวของสินค้า นำเสนอสินค้า รวมทั้งชักชวนคนมาทำธุรกิจได้ด้วย มองภาพง่าย ๆ ดังนี้

ผู้ผลิต จะผลิตสินค้าที่ดี (สินค้าที่นำมาขายในช่องทางธุรกิจเครือข่าย มีทั้งเจ้าของธุรกิจเครือข่ายผลิตเอง และ นำสินค้ามาจากผู้ผลิตสินค้ารายอื่น ๆ เข้ามาจำหน่าย)

ผู้จำหน่าย หรือ ตัวแทนธุรกิจ คือบุคคลทั่ว ๆ ไปที่สนใจจะมาร่วมธุรกิจ ซึ่งทำหน้าที่จำหน่ายสินค้า และชวนคนเข้ามาร่วมธุรกิจ ยิ่งจำหน่ายสินค้ามากเท่าไหร่ หรือสามารถชวนคนเข้ามาร่วมธุรกิจได้ การจ่ายผลตอบแทนก็จะได้มากตามลำดับขั้นของบริษัทเครือข่ายนั้น ๆ

ผู้บริโภค คือปลายทางสุดท้ายที่ใช้สินค้า รวมทั้งผู้จำหน่ายเองก็ต้องเป็นผู้บริโภคด้วย

ด้วยหลักการของธุรกิจเครือข่ายดังที่กล่าวมา จึงทำให้คนสนใจเข้ามาร่วมธุรกิจเครือข่ายจำนวนมาก เพราะเปิดโอกาสให้คนที่มีทุนน้อย ไม่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจ และยังเป็นธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยง ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจที่สร้างรายได้จำนวนมาก เพียงเริ่มต้นจากการใช้สินค้าที่ดี และเมื่อเกิดความประทับใจในตัวสินค้าที่ใช้ ก็ทำการแนะนำบอกต่อให้คนที่รู้จักได้ใช้สินค้าที่ดีนั้นเหมือนกับตน เป็นการโฆษณาแบบปากต่อปาก เมื่อมีการซื้อสินค้าใช้ตามคำบอกเล่าจากผู้แนะนำ ก็จะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านการโฆษณาและพ่อค้าคนกลาง เหมือนกับการตลาดทั่วไป

เมื่อเกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ ผู้บริโภคโดยตรง ทำให้บริษัทเจ้าของสินค้าสามารถประหยัดงบประมาณที่เป็นค่าโฆษณาได้มาก ซึ่งบริษัทจะนำงบค่าโฆษณาที่ประหยัดได้ไปใช้ทำการวิจัย พัฒนาสินค้าใหม่ๆให้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นอีก ส่วนผลกำไรของพ่อค้าคนกลางที่ถูกตัดออกมานั้น บริษัทจะนำเงินส่วนนี้มาจัดสรรให้กับผู้บริโภคที่ใช้ดีแล้วทำการบอกต่อกับผู้อื่นเป็นลำดับชั้นตามส่วนที่บริษัทกำหนดไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในระบบการตลาดแบบเครือข่ายนี้ จะทำให้ผู้บริโภคสามารถมีส่วนแบ่งของรายได้ ของมูลค่าสินค้า จากระบบการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภค นอกเหนือจากการที่จะต้องเป็นผู้จ่ายเงินซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียวเหมือนในระบบธุรกิจทั่วไป

ธุรกิจเครือข่าย (Network Marketing หรือ MLM) ที่ใช้วิธีการแนะนำบอกต่อนี้ จะมีลักษณะที่พิเศษกว่าการตลาดแบบทั่ว ๆ ไป คือ ความสามารถในการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภค ที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นได้แบบไม่จำกัดจำนวน โดยอาศัยเพียงการแนะนำสินค้าหรือชักชวน จากหนึ่งคนไปทำการแนะนำกับคนอีกหลาย ๆ คน และอีกหลาย ๆ คน ก็แนะนำต่อ ๆ กันไป ก็จะเกิดการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภค และคนทำธุรกิจไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด นั่นหมายถึงว่าคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายจะประสบความสำเร็จและสร้างรายได้มากขึ้น จึงมีโอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิต และนำไปสู่การมีอิสรภาพทางการเงินและเวลาได้ด้วย



ที่มา : http://www.club24online.com

2559/11/24

ผู้ซื้อ รถมือสอง มีเฮ รถมือสองปรับราคาลดลง 4 หมื่น - 1 แสนบาท

ผู้ซื้อ รถมือสอง มีเฮ รถมือสองปรับราคาลดลง 4 หมื่น - 1 แสนบาท <==

เนื่องมาจาก ไฟแนนซ์ประกาศเพิ่มเงินดาวน์ 5% สำหรับรถคันแรก ขณะที่ตลาดรถมือสองสะเทือน เตรียมหั่นราคาระบายรถในสต็อก

นายชลิต ศิลป์ศรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ กล่าวว่า "มาตรการของสถาบันการเงินในการให้สินเชื่อยังต้องปฏิบัติเหมือนกับการให้สินเชื่อเช่าซื้อทั่วไป แต่ไม่สามารถตอบแทนสถาบันการเงินอื่นได้ เพราะแต่ละสถาบันมีการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน ส่วนการตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรนั้นทุกสถาบันการเงินต้องปฏิบัติอยู่แล้ว "

สำหรับทิสโก้ยังใช้มาตรการให้สินเชื่อแบบเดิม คือ ตรวจสอบเครดิตบูโร ดูความสามารถในการชำระหนี้ และดูสภาพตลาด สภาพเศรษฐกิจ และปัจจัยที่มีผลกระทบต่างๆ ประกอบการพิจารณาและหากตรวจสอบพบว่าเครดิตของลูกค้าไม่ค่อยดี ก็จะทำการเพิ่มเงินดาวน์อีก 5% จากเกณฑ์ปกติ ซึ่งก็ไม่ได้เพิ่มมากนัก แต่ก็เป็นการป้องกันความเสี่ยงในระดับหนึ่งเท่านั้น

"ขณะนี้ ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะหลักๆ แล้วต้องดูเครดิตของลูกค้าว่าเป็นอย่างไร มีศักยภาพในการชำระหรือไม่ และต้องเศรษฐกิจโดยรวมด้วยว่าเป็นอย่างไร คู่แข่งขันเป็นอย่างไร หลังจากนั้น ก็จะมาพิจารณาว่าควรจะเพิ่มเงินดาวน์หรือไม่ ซึ่งคงต้องรอดูอีกระยะหนึ่งเพราะยังใหม่อยู่ สถาบันการเงินยังต้องปรับตัวอีก"

สำหรับตลาดรถยนต์มือสองนั้น ถือว่าเป็นตลาดที่ยังน่าเป็นห่วง แต่ก็ยังมีเวลาเพียงพอในการปรับตัว และเชื่อว่าผู้บริหารรถยนต์มือสองแต่ละรายนั้นจะสามารถระบายรถยนต์ในสต็อกออกไปได้ ซึ่งอาจจะต้องยอมขาดทุนกำไรต่อคันบ้าง เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้

นายชลิตกล่าว "เต็นท์รถยนต์มือสอง ต้องมีกลยุทธ์เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการครั้งนี้แน่นอน ส่วนเขาจะทำอย่างไรนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับแนวทางการบริหารจัดการของเขา แต่ที่เห็นคือต้องเร่งระบายรถในสต็อกออกไปก่อน เพราะราคาจะตก"

นายโกวิท รุ่งวัฒนโภสณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง กล่าวว่า "มาตรการของรัฐบาลเกี่ยวกับรถยนต์คันแรก ที่ได้รับเงินภาษีคืน 1 แสนบาท นั้นส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์มือสอง ทำให้ต้องปรับลดราคาลงมาอย่างมาก ซึ่งบริษัทเช่าซื้อจะไม่ได้รับผลกระทบในส่วนนี้ แต่จะตกไปอยู่กับลูกหนี้สินเชื่อรถมือสองแทน"

รถมือสองคาดว่าราคาจะถูกปรับลดลงใกล้เคียงกับรุ่นของรถที่อยู่ในเกณฑ์โครงการรถคันแรกเมื่อได้รับเงินคืนจากรัฐบาล โดยรถกระบะมือสองคงปรับลดลงอีก 9,000 ถึง 6 หมื่นบาท ส่วนรถเก๋งมือสองปรับลดลงอีก 4 หมื่นถึง 1 แสนบาท เพราะหากรถมือสองมีราคาใกล้เคียงกับรถป้ายแดง ลูกค้าก็ต้องเลือกซื้อรถป้ายแดงอยู่แล้ว ราคารถมือสองจึงต้องถูกปรับลดราคาตามกลไกตลาดโดยอัตโนมัติ

นายโกวิท รุ่งวัฒนโภสณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง กล่าวว่า "ลูกค้าที่กำลังผ่อนรถมือสองอยู่คงได้รับผลกระทบแน่ หากปล่อยให้ตัวเองเป็นหนี้เสียหรือให้รถถูกยึด เพราะเมื่อไฟแนนซ์นำรถออกขายทอดตลาด ก็ต้องขาดทุนแน่ๆ เพิ่มอีกหลายหมื่นบาท
และคงต้องมีการฟ้องร้องเรียกหนี้ส่วนที่เหลือคืน จากเดิมในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาราคารถมือสองได้ปรับราคาเพิ่มขึ้น 10-15% ทำให้เวลาไฟแนนซ์ยึดรถเข้ามาและนำรถออกขายทอดตลาดก็จะได้ราคาใกล้เคียงกับมูลหนี้ที่ค้างไว้อยู่ ไฟแนนซ์จึงไม่ต้องไปฟ้องร้องกับลูกหนี้อีก ดังนั้น ต่อไปนี้ ลูกหนี้จึงต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ โดยปัจจุบันบริษัทมีหนี้เสียอยู่ประมาณ 1.2-1.3%"

แหล่งข่าวจากธุรกิจเช่าซื้อ กล่าวว่า "หากยึดรถมาขายทอดตลาดแล้ว มีหนี้ค้างประมาณ 2-3 หมื่นบาท บริษัทเช่าซื้อส่วนใหญ่จะไม่ค่อยฟ้องร้องเรียกหนี้ส่วนที่เหลือคืน เนื่องจากไม่คุ้มกับค่าดำเนินการ ส่วนธนาคารพาณิชย์อยู่ประมาณ 2-5 หมื่นบาท ถึงไม่ฟ้องร้อง แต่ใช้วิธีขายหนี้ให้ผู้ที่ซื้อหนี้ไปตามหนี้แทน"

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : รถมือสองนครปฐม

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://nakhonpathom2car.com/

เปลี่ยนพื้นที่ดาดฟ้า ให้เป็นห้องนั่งเล่นแบบ ชิลล์..ชิลล์..

<a href=ซื้อขายบ้าน" width="483" height="357" />เปลี่ยนพื้นที่ดาดฟ้า ให้เป็นห้องนั่งเล่นแบบ ชิลล์..ชิลล์..
หลายคนมีบ้านเป็นตึกสูง แต่จะทำไงได้ล่ะ ในเมื่อบ้านไม่ได้เปลี่ยนกันง่าย ๆ เหมือนเสื้อผ้า และคุณก็อาศัยมาตั้งแต่เกิด แต่อารมณ์ของบ้านเปลี่ยนกันได้ที่สำคัญลดความน่าเบื่อ บรรยากาศเดิม ๆ ให้สดใสขึ้นได้ด้วย พื้นที่บ้านที่เป็นตึกส่วนใหญ่มักมีที่ว่างที่เป็นดาดฟ้า หรือชั้นลอยของบ้านที่คุณอาจมองข้ามไป หรือใช้เป็นที่ตากผ้าซะมากกว่าที่คุณจะมองว่ามันก็เป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบเปิดโล่งได้ถึง 360 องศาได้เหมือนกัน ซึ่งจริง ๆแล้ว พื้นที่นี้อาจทำให้คุณกลายเป็นคนที่โชคดีกว่าใคร ที่สามารถชมวิวได้แบบไร้สิ่งบดบังสายตา ถ้าคุณลองปรับเปลี่ยนสร้างมันขึ้นด้วยการจัดตกแต่งสวนที่เข้ากับสไตล์ของคุณที่คุณชื่นชอบ แล้วลองขึ้นมาใช้นั่งพักผ่อน หลังจากเหนื่อยจากงานมา จะช่วงเช้าแดดอ่อน ๆ หรือในตอนเย็น ๆ ที่ลมพัดสบาย ๆ จัดพันธุ์ไม้ทั้งเล็กใหญ่ เพิ่มดอกไม้ให้เกิดสีสันไม่น่าเบื่อ มีชุดโต๊ะเก้าอี้แบบธรรมชาติ ทนแดด ทนฝนได้ ไม่ต้องดูแลมากนัก เท่านี้ก็สุขแบบสุด ๆ แล้ว กับคนที่ต้องอยู่บ้านตึก อย่ามองว่าบ้านตึกมีแต่ทรงเรขาคณิต ที่แข็งทื่อเสมอไป ธรรมชาติช่วยลดความตึงเครียดและสร้างอารมณ์ที่ผ่อนคลายได้เสมอ คุณอาจต้องจ่ายเงินในครั้งแรก แต่ถ้าแลกกับความสุขระยะยาวที่คุณจะได้รับ นับว่าคุ้มค่ากว่ามาก วิธีการจัดสวนบนดาดฟ้าก็มีให้เลือกหลายแบบ ซึ่งสไตล์ต่าง ๆ คุณก็สามารถหาข้อมูลจากหนังสือรหรือ อินเทอร์เน็ตได้ไม่ยาก แต่เบื้องต้นที่คุณต้องทำคือ

อันดับแรก คุณต้องเคลียร์ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ให้บริเวณที่จะจัดสวน โล่งและสะอาดก่อน

อันดับต่อมา ก็จดรายการ วัสดุปลูกอย่างดิน ชนิดของต้นไม้ พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ที่คุณชอบ ต้นหญ้า ก้อนหิน หรือ น้ำพุ น้ำตกอะไรก็ตาม ได้ทั้งนั้นโดยกำหนด จำนวน อัตราส่วนต่าง ๆ ให้ครบถ้วน และเหมาะสม

อันดับสาม ออกแบบไว้เลยว่า จะเอาต้นไม้ใหญ่ไว้ตรงนี้ พันธุ์ไม้ดอกไว้มุมนี้ ก้อนหิน จัดเรียงไว้ตรงไหนบ้าง โต๊ะ เก้าอี้ หรือเตียง ตั่ง สำหรับนั่งพักผ่อน เว้นที่ว่างไว้ไว้จัดวางให้เรียบร้อยทั้งหมดนี้ ต้องวางแผนให้
พร้อม

สุดท้าย เมื่อได้ของมาครบถ้วนก็ลงมือจัดตามแบบที่ร่างไว้ ให้ลงตัว และเมื่อจัดเสร็จ ก็อย่าลืมหากมีน้ำพุ หรือน้ำตกชุดเล็ก ๆ ก็เปิดทดสอบด้วย ให้ได้ความรู้สึกแบบเต็ม ๆ ไปเลยว่า ชิลล์แค่ไหน หากได้เอนกายลงจริง ๆ เชื่อเถอะ คุณแทบจะไม่อยากลุกไปจากมุมสวนสวยบนดาดฟ้าของคุณแน่นอน และใน 1 วัน คุณอาจต้องมาที่นี่บ่อยครั้งแน่ ๆ

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ลงประกาศขายคอนโด

เครดิต : http://www.land-house.info/

2559/11/22

มาดูแล ผิวหน้าของผมก่อนนอนให้สวยใส กันเถอะสาวๆ

ก่อนนอนเป็นช่วงเวลาที่ผิวหน้าของเราเตรียมพร้อมกับการพักผ่อน และได้ฟื้นบำรุงตัวมันเองมากที่สุดช่วงเวลาหนึ่ง ดังนั้น จำเป็นอย่างมากทีเดียวที่สาวๆ ควรให้การใส่ใจผิวในช่วงเวลานี้ หากคุณเป็นสาวที่รักการแต่งหน้าและปรารถนาการบำรุงผิวให้สวยเปล่งปลั่งอยู่เสมอจากสูตรการดูแลผิวต่างๆ วันนี้เรามาอ่านวิธีการดูแลผิวหน้ากับ 2 ขั้นตอนที่ควรทำก่อนนอนเป็นประจำกันดีกว่า มาดูกันเลยนะคะว่าต้องทำอย่างไรบ้าง


2 ขั้นตอนดูแลผิวหน้าก่อนนอนให้สวยใสได้ทุกวัน
ขั้นตอนแรก การทำความสะอาดผิวหน้า
- การทำความสะอาดด้วย สบู่ล้างหน้า
ให้สาวๆ ลูบไล้สบู่บนผิวหน้าให้ทั่วด้วย สบู่ไวน์ขาว จากนั้นนวดวนเบาๆ แล้วปล่อยทิ้งไว้สัก 3 – 5 นาที เพื่อให้มันทำหน้าที่ละลายคราบสิ่งสกปรกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางและคราบไขมันที่อุดตันในรูขุมขน เพื่อให้เราล้างออกได้อย่างงายดายยิ่งขึ้น

2 ขั้นตอนดูแลผิวหน้าก่อนนอนให้สวยใสได้ทุกวัน
- การล้างหน้า
ควรล้างให้อย่างถูกต้องด้วยการล้างอย่างเบามือ สำหรับการลูบวนผิวหน้าให้ใช้เพียงปลายนิ้วมือเท่านั้นค่ะ และไม่ควรลูบไล้ผิวหน้าแรงๆ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย เสร็จแล้วให้ล้างด้วยน้ำเปล่าจนรู้สึกได้ว่าผิวสะอาดเกลี้ยงเกลาหมดจด

2 ขั้นตอนดูแลผิวหน้าก่อนนอนให้สวยใสได้ทุกวัน
- การเช็ดโทนเนอร์
หากคุณล้างหน้าจนสะอาดหมดจดดีแล้ว ไม่จำเป็นเสมอไปหรอกที่จะต้องเช็ดตามด้วยโทนเนอร์อีกครั้ง เพราะอาจจะยิ่งรบกวนผิวให้บอบบางมากยิ่งขึ้น แต่หากสาวๆ ไม่มั่นใจว่าล้างหน้าได้สะอาดหมดจดดีนัก ก็ทำการเช็ดสิ่งสกปรกให้หมดอีกครั้งด้วยโทนเนอร์ได้ค่ะ โดยควรเลือกใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมจากมอยส์เจอไรเซอร์เท่านั้น ไม่ควรใช้แบบที่ผสมแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวหน้าแห้งตึงและหยาบกร้านได้ อีกทั้งการใช้โทนเนอร์ที่ไม่เหมาะสมกับผิวยังเป็นการกระตุ้นให้หน้ามีสิวได้ด้วย

2 ขั้นตอนดูแลผิวหน้าก่อนนอนให้สวยใสได้ทุกวัน
ขั้นตอนที่สอง การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
การเลือกใช้งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าจะยิ่งช่วยให้สารอาหารจากเนื้อครีมได้บำรุงดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพตรงจุดมากยิ่งขึ้น สำหรับสาวผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย แนะนำให้เลือกใช้งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำนม เพื่อจะได้ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ส่วนสาวผิวแห้งควรเลือกใช้งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมมาจากน้ำผึ้งค่ะ เพราะจะได้ช่วยควบคุมความมันบนผิวหน้าไปพร้อมกันได้

เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก หากสาวๆ ที่รักการแต่งหน้ารู้จักวิธีการล้างหน้าอย่างถูกต้องและล้างให้สะอาดหมดจด พร้อมเลือกครีมบำรุงผิวที่เหมาะสมทาไปพร้อมกันทุกคืน หากทำได้ตามนี้ รับรองค่ะว่าการมีผิวสวยใสย่อมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่ะ

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สบู่หน้าขาว

ที่มา : http://www.miracle-soaps.com

10 เครื่องราง-ราคาหลักล้าน ไม่มีรูปให้ดูนะคับ ค้นเอาในเน็ตได้เลย

10 พระเครื่องดัง-ราคาหลักล้าน ไม่มีรูปให้ดูนะคับ ค้นเอาในเน็ตได้เลย

1) พระร่วงหลังรางปืน

จักรพร รดิ์แห่งพระเครื่องเนื้อชิน การขุดพบครั้งแรกเมื่อประมาณปีพ.ศ. 2493 ที่บริเวณหน้าพระปรางค์ประธาน วัดพระศรีรัตนมหาธาตุศรีสัชนาลัย จำนวนที่พบประมาณสองร้อยกว่าองค์ แต่ก็เป็นพระชำรุดเสียเป็นส่วนมาก ที่สมบูรณ์จริงนับว่าพบน้อยมาก พระที่พบเป็นพระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดงเป็นส่วนใหญ่ และพบเป็นเนื้อชินเงินบ้างเล็กน้อย เอกลักษณ์สำคัญคือที่ด้านหลังองค์พระจะเป็นร่องรางจึงได้ชื่อว่า "พระร่วงหลังรางปืน" พิมพ์ที่พบมี 5 พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่ฐานสูง พิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย พิมพ์แก้มปะ พิมพ์หน้าหนุ่ม และพิมพ์เล็ก ศิลปะของพระร่วงหลังรางปืนเป็นศิลปะของแบบบายน สำหรับพระองค์ที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นพระพิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย และเป็นพระองค์ที่สวยมากของกรุนี้ พระร่วงองค์สวยองค์นี้เป็นพระของคุณ ไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์

2) หูยาน ลพบุรี

เป็นพระที่ขุด พบบริเวณพระปรางค์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี พบครั้งแรกประมาณปีพ.ศ.2450 พระที่พบเป็นพระเนื้อชินเงิน มีหลายพิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่บัวสองชั้น พิมพ์ใหญ่บัวชั้นเดียว พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก และพิมพ์ข้างรัศมี พระที่พบในครั้งแรกนี้จะมีผิวค่อนข้างคล้ำดำมักเรียกกันว่า "พระกรุเก่า" ที่ด้านหลังพระมักจะเป็นแบบลายผ้า ต่อมาในปีพ.ศ. 2508 มีการพบพระอีกครั้ง พระที่พบในครั้งนี้จะมีผิวปรอทขาวสดใสเรียกกันว่า "พระกรุใหม่" ลักษณะเป็นพระพิมพ์เดียวกันพระที่พบในครั้งแรกทุกประการ ศิลปะของพระหูยานเป็นศิลปะขอมแบบบายน พระองค์ที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นพระพิมพ์ใหญ่ และเป็นพระที่สวยที่สุดของพระกรุนี้พระองค์นี้ก็เป็นพระของคุณไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ ครับ

3) พระรอด กรุวัดมหาวัน

หนึ่ง พระชุดเบญจภาคีที่มีอายุมากที่สุด เป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวี เจดีย์กรุวัดมหาวันนี้ได้ผุพังไปตามกาลเวลา องค์พระจึงกระจัดกระจายอยู่ทั่วตามบริเวณวัด พระที่พบมีทั้งหมด 5 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์ต้อ และพิมพ์ตื้น เป็นพระเนื้อดินเผาทั้งหมด ศิลปะเป็นแบบหริภุญไชย พระรอด วัดมหาวัน ถือเป็นพระสุดยอดนิรันตราย จึงเป็นพระที่นิยมกันมากและหายากมากเช่นกัน พระองค์ที่ท่านเห็นนี่เป็นพระพิมพ์ใหญ่เนื้อเขียว และเป็นพระที่สวยมากองค์หนึ่ง พระรอดองค์นี้ในสมัยก่อนรู้จักกันในชื่อ "องค์ไก่แดง" พระองค์นี้เป็นของคุณไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ เช่นกันครับ

4) พระปิดตา หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง

ใน กระบวนพระปิดตาเนื้อผงคลุกรักแล้ว พระปิดตาวัดสะพานสูงก็นับว่าหายากมากๆ ครับ หลวงปู่เอี่ยมท่านมีความเชี่ยวชาญทางด้านวิปัสสนาธุระเป็นที่เคารพเลื่อมใส ศรัทธาของพุทธศาสนิกชน พระของท่านเป็นลักษณะรูปลอยองค์สวยงาม พระของท่านมีด้วยกัน 3 พิมพ์คือ พิมพ์ชะลูด พิมพ์ตะพาบ และพิมพ์พนมมือ ซึ่งมีทั้งหน้าเดียวและสองหน้า นอกจากพระปิดตาแล้วหลวงปู่เอี่ยมท่านยังสร้างตะกรุดมหาโสรสมงคล ซึ่งนับว่าเป็นตะกรุดที่หายากที่สุด และมีสนนราคาสูงที่สุดด้วยครับ พระปิดตา วัดสะพานสูงองค์ที่ท่านเห็นนี้เป็นพระปิดตา พิมพ์ชะลูด องค์ที่สวยที่สุด เป็นของคุณไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ ครับ

5) เหรียญหล่อเจ้าสัว ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เนื้อเงิน

นับ ว่าเป็นเหรียญหล่อที่หายาก เท่าที่เห็นเป็นเนื้อทองแดงและเนื้อเงิน โดยเฉพาะเนื้อเงินมีจำนวนน้อย ไม่พบเห็นมากนัก เหรียญนี้สร้างขึ้นเมื่อคราวทำบุญอายุหลวงปู่ โดยท่านเจ้าคุณพระวินัยโกศล อดีตเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรเป็นผู้จัดการหลอมหล่อที่วัด ในปีพ.ศ.2477 ทำบุญอายุหลวงปู่ครบ 7 รอบ เหรียญเจ้าสัวองค์นี้ถือเป็นเหรียญที่สวยมาก สนนราคาอยู่ที่กว่าล้านบาท เหรียญนี้เป็นของคุณบอย ท่าพระจันทร์ครับ

6) เหรียญหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

หลวง ปู่ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสมัยนั้น และท่านก็เป็นพระอาจารย์ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เหรียญนี้นับเป็นเหรียญปั๊มรูปหลวงปู่ศุขรุ่นเดียวที่สร้างทันท่าน คือสร้างตอนต้นปีพ.ศ.2466 และเหรียญที่ท่านเห็นนี้นับเป็นเหรียญที่สวยสมบูรณ์เหรียญหนึ่ง เจ้าของเหรียญคือคุณ บอย ท่าพระจันทร์ สนนราคาต้องมีกว่าล้านบาทครับ

7) พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้ากลาง กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี

พระ ผงสุพรรณเป็นพระที่จัดอยู่ในชุดเบญจภาคี นับว่าเป็นพระเครื่องที่หายากอีกเช่นกัน ยิ่งพระที่สวยๆ สมบูรณ์ยิ่งหายากยิ่ง พระที่พบมี 3 พิมพ์คือ พิมพ์หน้าแก่ พิมพ์หน้ากลาง และพิมพ์หน้าหนุ่ม พระที่พบเป็นพระเนื้อดินเผาเนื้อละเอียด ส่วนพระสุพรรณยอดโถนั้นเป็นพระเนื้อชินเงิน ซึ่งมีลักษณะคล้ายพระผงสุพรรณ แต่ถ้าพูดถึงพระผงสุพรรณจะหมายความถึงพระเนื้อดินเท่านั้น พระผงสุพรรณองค์นี้เป็นของแฟนพันธุ์แท้ ป๋อง สุพรรณ นั่นเองครับ พระองค์นี้เป็นพิมพ์หน้ากลางที่สวยมากองค์หนึ่งครับ สนนราคาลองแอบถามดูเห็นบอกว่ากว่าล้านครับ

8) พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าหนุ่ม

ก็ เป็นอีกพิมพ์หนึ่งที่พบในกรุเดียวกัน และเป็นพระที่หายากเช่นกัน พระผงสุพรรณทั้งสามพิมพ์เป็นศิลปะแบบอู่ทอง พระผงสุพรรณทั้งพิมพ์หน้าแก่และพิมพ์หน้ากลาง พระพักตร์ดูแก้มตอบคล้ายคนแก่ ส่วนพระผงสุพรรณพิมพ์หน้าหนุ่มพระพักตร์ดูจะอิ่มเอิบดูหนุ่มกว่า องค์พระดูล่ำสันกว่า จึงเรียกกันว่า "พิมพ์หน้าหนุ่ม" พุทธคุณของพระผงสุพรรณเด่นทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม นิยมจัดชุดห้อยคู่กับพระรอด วัดมหาวัน เนื่องจากมีขนาดเล็กไล่เลี่ยกัน พระองค์นี้เป็นพระพิมพ์หน้าหนุ่มที่สวยสมบูรณ์อีกองค์หนึ่งครับ และก็เป็นของป๋อง สุพรรณ อีกเช่นกันครับ

9) พระรูปเหมือนหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

หลวง พ่อเงินเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีประชาชนนับถือเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก และท่านก็เป็นพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หลวงพ่อเงินท่านได้สร้างพระรูปหล่อโบราณไว้ 2 แบบ คือ แบบพิมพ์นิยม และแบบพิมพ์ขี้ตา ซึ่งแต่ละแบบก็ยังแยกแม่พิมพ์ย่อยออกไปได้อีกหลายแม่พิมพ์ และในสังคมผู้นิยมพระเครื่องถือว่าพระรูปเหมือนของท่านนิยมมากที่สุด สนนราคาแพงที่สุดในพระรูปเหมือนด้วยกัน พระที่ท่านเห็นนี้เป็นพระรูปเหมือนพิมพ์ขี้ตา สี่ชาย ของคุณสมชัย จงทวีทรัพย์ สภาพสมบูรณ์อย่างที่เห็นนี้ ต้องมีกว่าสองล้านบาทครับ

10) พระรูปเหมือนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พิมพ์นิยม

หลวง พ่อเดิมเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในองค์ท่านมาก พระรูปเหมือนของหลวงพ่อเดิมนั้นมีการสร้างครั้งแรกที่วัดหนองหลวง โดยการเทหล่อแบบโบราณ ต่อมาได้มีการสร้างพระรูปเหมือนของอีกโดยวัดหนองโพ และได้ให้โรงงานทำการปั้นขึ้นรูปที่กรุงเทพฯ พระรูปเหมือนรุ่นนี้เป็นรุ่นที่นิยมกันมาก ในสังคมผู้นิยมพระเครื่องนับว่าเป็นอันดับสองรองจากพระรูปเหมือนของหลวงพ่อ เงิน วัดบางคลาน พระรูปเหมือนของหลวงพ่อเดิมพิมพ์นิยมนี้มีสร้างด้วยกันสองเนื้อคือเนื้ออัล ปาก้า และเนื้อทองเหลือง องค์ที่ท่านเห็นนี้เป็นพระเนื้อทองเหลืองที่สวยงามและสมบูรณ์มากองค์หนึ่ง ครับ สนนราคาสวยๆ แบบนี้ก็ต้องมีหลายๆ แสนถึงล้านบาทครับ พระองค์นี้เป็นของพ.อ.ฐิติศักดิ์ สมทัศน์ ผบ.พัน สห.มทบ.11 ครับ

>> [[image]]


ศูนย์รวมประกาศซื้อขาย พระเครื่อง พบกันได้ที่นี่



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.likeshopping.net/cate-31/พระเครื่อง

10 พระกรุ-ราคาหลักล้าน ไม่มีรูปให้ดูนะคับ ค้นเอาในเน็ตได้เลย

10 พระเครื่องดัง-ราคาหลักล้าน ไม่มีรูปให้ดูนะคับ ค้นเอาในเน็ตได้เลย

1) พระร่วงหลังรางปืน

จักรพร รดิ์แห่งพระเครื่องเนื้อชิน การขุดพบครั้งแรกเมื่อประมาณปีพ.ศ. 2493 ที่บริเวณหน้าพระปรางค์ประธาน วัดพระศรีรัตนมหาธาตุศรีสัชนาลัย จำนวนที่พบประมาณสองร้อยกว่าองค์ แต่ก็เป็นพระชำรุดเสียเป็นส่วนมาก ที่สมบูรณ์จริงนับว่าพบน้อยมาก พระที่พบเป็นพระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดงเป็นส่วนใหญ่ และพบเป็นเนื้อชินเงินบ้างเล็กน้อย เอกลักษณ์สำคัญคือที่ด้านหลังองค์พระจะเป็นร่องรางจึงได้ชื่อว่า "พระร่วงหลังรางปืน" พิมพ์ที่พบมี 5 พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่ฐานสูง พิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย พิมพ์แก้มปะ พิมพ์หน้าหนุ่ม และพิมพ์เล็ก ศิลปะของพระร่วงหลังรางปืนเป็นศิลปะของแบบบายน สำหรับพระองค์ที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นพระพิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย และเป็นพระองค์ที่สวยมากของกรุนี้ พระร่วงองค์สวยองค์นี้เป็นพระของคุณ ไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์

2) หูยาน ลพบุรี

เป็นพระที่ขุด พบบริเวณพระปรางค์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี พบครั้งแรกประมาณปีพ.ศ.2450 พระที่พบเป็นพระเนื้อชินเงิน มีหลายพิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่บัวสองชั้น พิมพ์ใหญ่บัวชั้นเดียว พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก และพิมพ์ข้างรัศมี พระที่พบในครั้งแรกนี้จะมีผิวค่อนข้างคล้ำดำมักเรียกกันว่า "พระกรุเก่า" ที่ด้านหลังพระมักจะเป็นแบบลายผ้า ต่อมาในปีพ.ศ. 2508 มีการพบพระอีกครั้ง พระที่พบในครั้งนี้จะมีผิวปรอทขาวสดใสเรียกกันว่า "พระกรุใหม่" ลักษณะเป็นพระพิมพ์เดียวกันพระที่พบในครั้งแรกทุกประการ ศิลปะของพระหูยานเป็นศิลปะขอมแบบบายน พระองค์ที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นพระพิมพ์ใหญ่ และเป็นพระที่สวยที่สุดของพระกรุนี้พระองค์นี้ก็เป็นพระของคุณไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ ครับ

3) พระรอด กรุวัดมหาวัน

หนึ่ง พระชุดเบญจภาคีที่มีอายุมากที่สุด เป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวี เจดีย์กรุวัดมหาวันนี้ได้ผุพังไปตามกาลเวลา องค์พระจึงกระจัดกระจายอยู่ทั่วตามบริเวณวัด พระที่พบมีทั้งหมด 5 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์ต้อ และพิมพ์ตื้น เป็นพระเนื้อดินเผาทั้งหมด ศิลปะเป็นแบบหริภุญไชย พระรอด วัดมหาวัน ถือเป็นพระสุดยอดนิรันตราย จึงเป็นพระที่นิยมกันมากและหายากมากเช่นกัน พระองค์ที่ท่านเห็นนี่เป็นพระพิมพ์ใหญ่เนื้อเขียว และเป็นพระที่สวยมากองค์หนึ่ง พระรอดองค์นี้ในสมัยก่อนรู้จักกันในชื่อ "องค์ไก่แดง" พระองค์นี้เป็นของคุณไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ เช่นกันครับ

4) พระปิดตา หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง

ใน กระบวนพระปิดตาเนื้อผงคลุกรักแล้ว พระปิดตาวัดสะพานสูงก็นับว่าหายากมากๆ ครับ หลวงปู่เอี่ยมท่านมีความเชี่ยวชาญทางด้านวิปัสสนาธุระเป็นที่เคารพเลื่อมใส ศรัทธาของพุทธศาสนิกชน พระของท่านเป็นลักษณะรูปลอยองค์สวยงาม พระของท่านมีด้วยกัน 3 พิมพ์คือ พิมพ์ชะลูด พิมพ์ตะพาบ และพิมพ์พนมมือ ซึ่งมีทั้งหน้าเดียวและสองหน้า นอกจากพระปิดตาแล้วหลวงปู่เอี่ยมท่านยังสร้างตะกรุดมหาโสรสมงคล ซึ่งนับว่าเป็นตะกรุดที่หายากที่สุด และมีสนนราคาสูงที่สุดด้วยครับ พระปิดตา วัดสะพานสูงองค์ที่ท่านเห็นนี้เป็นพระปิดตา พิมพ์ชะลูด องค์ที่สวยที่สุด เป็นของคุณไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ ครับ

5) เหรียญหล่อเจ้าสัว ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เนื้อเงิน

นับ ว่าเป็นเหรียญหล่อที่หายาก เท่าที่เห็นเป็นเนื้อทองแดงและเนื้อเงิน โดยเฉพาะเนื้อเงินมีจำนวนน้อย ไม่พบเห็นมากนัก เหรียญนี้สร้างขึ้นเมื่อคราวทำบุญอายุหลวงปู่ โดยท่านเจ้าคุณพระวินัยโกศล อดีตเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรเป็นผู้จัดการหลอมหล่อที่วัด ในปีพ.ศ.2477 ทำบุญอายุหลวงปู่ครบ 7 รอบ เหรียญเจ้าสัวองค์นี้ถือเป็นเหรียญที่สวยมาก สนนราคาอยู่ที่กว่าล้านบาท เหรียญนี้เป็นของคุณบอย ท่าพระจันทร์ครับ

6) เหรียญหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

หลวง ปู่ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสมัยนั้น และท่านก็เป็นพระอาจารย์ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เหรียญนี้นับเป็นเหรียญปั๊มรูปหลวงปู่ศุขรุ่นเดียวที่สร้างทันท่าน คือสร้างตอนต้นปีพ.ศ.2466 และเหรียญที่ท่านเห็นนี้นับเป็นเหรียญที่สวยสมบูรณ์เหรียญหนึ่ง เจ้าของเหรียญคือคุณ บอย ท่าพระจันทร์ สนนราคาต้องมีกว่าล้านบาทครับ

7) พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้ากลาง กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี

พระ ผงสุพรรณเป็นพระที่จัดอยู่ในชุดเบญจภาคี นับว่าเป็นพระเครื่องที่หายากอีกเช่นกัน ยิ่งพระที่สวยๆ สมบูรณ์ยิ่งหายากยิ่ง พระที่พบมี 3 พิมพ์คือ พิมพ์หน้าแก่ พิมพ์หน้ากลาง และพิมพ์หน้าหนุ่ม พระที่พบเป็นพระเนื้อดินเผาเนื้อละเอียด ส่วนพระสุพรรณยอดโถนั้นเป็นพระเนื้อชินเงิน ซึ่งมีลักษณะคล้ายพระผงสุพรรณ แต่ถ้าพูดถึงพระผงสุพรรณจะหมายความถึงพระเนื้อดินเท่านั้น พระผงสุพรรณองค์นี้เป็นของแฟนพันธุ์แท้ ป๋อง สุพรรณ นั่นเองครับ พระองค์นี้เป็นพิมพ์หน้ากลางที่สวยมากองค์หนึ่งครับ สนนราคาลองแอบถามดูเห็นบอกว่ากว่าล้านครับ

8) พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าหนุ่ม

ก็ เป็นอีกพิมพ์หนึ่งที่พบในกรุเดียวกัน และเป็นพระที่หายากเช่นกัน พระผงสุพรรณทั้งสามพิมพ์เป็นศิลปะแบบอู่ทอง พระผงสุพรรณทั้งพิมพ์หน้าแก่และพิมพ์หน้ากลาง พระพักตร์ดูแก้มตอบคล้ายคนแก่ ส่วนพระผงสุพรรณพิมพ์หน้าหนุ่มพระพักตร์ดูจะอิ่มเอิบดูหนุ่มกว่า องค์พระดูล่ำสันกว่า จึงเรียกกันว่า "พิมพ์หน้าหนุ่ม" พุทธคุณของพระผงสุพรรณเด่นทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม นิยมจัดชุดห้อยคู่กับพระรอด วัดมหาวัน เนื่องจากมีขนาดเล็กไล่เลี่ยกัน พระองค์นี้เป็นพระพิมพ์หน้าหนุ่มที่สวยสมบูรณ์อีกองค์หนึ่งครับ และก็เป็นของป๋อง สุพรรณ อีกเช่นกันครับ

9) พระรูปเหมือนหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

หลวง พ่อเงินเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีประชาชนนับถือเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก และท่านก็เป็นพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หลวงพ่อเงินท่านได้สร้างพระรูปหล่อโบราณไว้ 2 แบบ คือ แบบพิมพ์นิยม และแบบพิมพ์ขี้ตา ซึ่งแต่ละแบบก็ยังแยกแม่พิมพ์ย่อยออกไปได้อีกหลายแม่พิมพ์ และในสังคมผู้นิยมพระเครื่องถือว่าพระรูปเหมือนของท่านนิยมมากที่สุด สนนราคาแพงที่สุดในพระรูปเหมือนด้วยกัน พระที่ท่านเห็นนี้เป็นพระรูปเหมือนพิมพ์ขี้ตา สี่ชาย ของคุณสมชัย จงทวีทรัพย์ สภาพสมบูรณ์อย่างที่เห็นนี้ ต้องมีกว่าสองล้านบาทครับ

10) พระรูปเหมือนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พิมพ์นิยม

หลวง พ่อเดิมเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในองค์ท่านมาก พระรูปเหมือนของหลวงพ่อเดิมนั้นมีการสร้างครั้งแรกที่วัดหนองหลวง โดยการเทหล่อแบบโบราณ ต่อมาได้มีการสร้างพระรูปเหมือนของอีกโดยวัดหนองโพ และได้ให้โรงงานทำการปั้นขึ้นรูปที่กรุงเทพฯ พระรูปเหมือนรุ่นนี้เป็นรุ่นที่นิยมกันมาก ในสังคมผู้นิยมพระเครื่องนับว่าเป็นอันดับสองรองจากพระรูปเหมือนของหลวงพ่อ เงิน วัดบางคลาน พระรูปเหมือนของหลวงพ่อเดิมพิมพ์นิยมนี้มีสร้างด้วยกันสองเนื้อคือเนื้ออัล ปาก้า และเนื้อทองเหลือง องค์ที่ท่านเห็นนี้เป็นพระเนื้อทองเหลืองที่สวยงามและสมบูรณ์มากองค์หนึ่ง ครับ สนนราคาสวยๆ แบบนี้ก็ต้องมีหลายๆ แสนถึงล้านบาทครับ พระองค์นี้เป็นของพ.อ.ฐิติศักดิ์ สมทัศน์ ผบ.พัน สห.มทบ.11 ครับ

>> [[image]]


ศูนย์รวมประกาศซื้อขาย ของขลัง พบกันได้ที่นี่

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : พระบูชา

เครดิต : www.likeshopping.net/cate-31/พระเครื่อง

2559/11/21

มาทำความรู้จัก สบู่ และ วิธีการทำสบู่ใช้เองที่บ้าน

สบู่ เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดร่างกายที่ได้จากปฏิกิริยาของด่างกับไขมันจากพืชหรือสัตว์ ปัจจุบัน สบู่มีการใช้ส่วนผสมชนิดต่างๆเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของสบู่ให้มีลักษณะพิเศษ ตรงตามความต้องการใช้งานที่หลากหลายขึ้น เช่น ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ผิวขาวใส ทำให้ผิวนุ่ม ลื่น และ สะอาด

“สบู่” จากคำข้างต้น หมายถึง ผลิตภัณฑ์ของสบู่ที่ทำให้เป็นก้อนหรือเป็นของเหลว พร้อมด้วยส่วนผสมต่างๆ เพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับการใช้ทำความสะอาด ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์สบู่ที่เราใช้กันในทุกวันนี้ ส่วน “สบู่ (soap)” อีกคำที่พบในสมการเคมีจะหมายถึง สารตั้งต้นสำหรับการผลิตสบู่ นั่นก็คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากปฏิกิริยาระหว่างด่างเข้มข้นกับไขมันพืชหรือสัตว์ ร่วมด้วยกับกลีเซอรีน (Glycerine)/กลีเซอรอล (Glycerol) ซึ่งสารทั้งสองเป็นสารตั้งต้นในการทำสบู่เหมือนกัน แต่จะให้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเรียกว่า “เกล็ดสบู่”

รู้ไหมว่าสบู่ที่เราๆใช้กันโดยทั่วไปนี้คือ Detergen หรือสารซักฟอก เพราะถ้าเป็นสบู่ธรรมชาติที่แท้จริงนั้นจะต้องเกิดจากปฏิกริยาที่เรียกว่า Saponification ระหว่างด่างกับไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ ผลลัพท์ของปฎิกริยานี้จะได้สบู่และกรีเซอรีน ซึ่งมีคุณสมบัติดีต่อผิว แต่ด้วยเหตุผลในทางการค้าผู้ผลิตมักจะแยกเอากรีเซอรีนออกไป เราจึงได้ใช้แต่กากสบู่ แต่ถ้าคุณต้องการทำความสะอาดผิวไปพร้อมๆกับการถนอมและบำรุงผิวละก็ ลองนี่เลย สบู่ก้อนใสสมุนไพร สูตร มะเฟือง น้ำผึ้ง ขมิ้น วิธีทำก็ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาทำไม่ถึงครึ่งชั่วโมง สบู่สูตรนี้มีสรรพคุณเด่นเหนือสบู่ที่คุณๆใช้อยู่คือ จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าได้ดี เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวให้นวลเนียน กระชับรูขุมขน และลดสิวเสี้ยน ถ้าเราทำเอง ต้นทุน ต่อนำหนักสบู่ 1 กิโลกรัม ไม่เกิน 250 บาท สบู่สมุนไพรที่ทำขายกันทั่วๆ ไปไม่รู้ว่าเขาใส่อะไรลงไปบ้าง ดีจริงเหมือนโฆษณาหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เคยลองคำนวณราคาสบู่สมุนไพรที่เขาขายกันทั่วๆไปเฉลี่ยแล้วราคาประมาณ 1 บาท ต่อน้ำหนักสบู่ 1 กรัม หรือ กิโลกรัมละ 1,000 บาท ที่แนะนำนี่ไม่ได้ให้ทำขายนะ เพราะ พวก สบู่ผิวขาว ถ้าจะทำขายก็จะต้องไปทำบรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม ต้องมีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ต้องโฆษณา ต้องทำการตลาดและอะไรต่อมิอะไรอีกสารพัด ต้องการให้ทำของดีราคาถูกไว้ใช้เองดีกว่า

มาดูส่วนประกอบของสบู่ มีดังนี้ ไขมันพืช/ไขมันสัตว์ โซเดียมไฮดรอกไซด์/โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ = เกล็ดสบู่ (soap) กลีเซอรอล/กลีเซอรีน แอลกอฮอล์ น้ำ

ชนิดของสบู่
1. สบู่ก้อนขุ่น
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่รู้จัก และใช้กันมานานจนถึงปัจจุบัน มีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาวขุ่นหรือมีสีต่างๆ ตามสีของสารเติมแต่ง เช่น สีเขียว สีชมพู สีม่วง เป็นต้น สบู่ชนิดนี้ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่ผลิตได้จากปฏิกิริยาข้างต้นเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต ที่ให้คุณสมบัติเป็นก้อนแข็ง ขาวขุ่น ให้ฟองมาก

2. สบู่ก้อนใส
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่มีลักษณะก้อนใสหรือค่อนข้างใสตามสัดส่วนของกลีเซอรีนที่ผสม ก้อนสบู่จะมีลักษณะอ่อนกว่าสบู่ก้อนขุ่น และสามารถทำให้เกิดสีใสต่างๆตามสารให้สีที่เติมผสม สบู่ชนิดนี้จะให้ฟองค่อนข้างน้อยกว่าสบู่ก้อนขุ่น เนื่องจากมีส่วนผสมของกลีเซอรีนเป็นส่วนใหญ่ สารตั้งต้นที่ใช้อาจเป็นกลีเซอรีนเหลวหรือกลีเซอรีนก้อน (กลีเซอรีนเหลว เอทิลแอลกอฮอล์) ร่วมด้วยกับสารเติมแต่งชนิดต่างๆ

3. สบู่เหลว
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่มีน้ำเป็นส่วนผสมทำให้เนื้อสบู่เหลว สีสีสันต่างๆตามสารเติมแต่ง สบู่ชนิดนี้ใช้สารตั้งต้นจากเกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากปฏิกิริยาข้างต้นเหมือนชนิดสบู่ก้อนขุ่น แต่ต่างกันที่จะใช้ด่างเข้มข้นโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์แทนโซเดียมไฮดรอกไซด์ เพราะจะให้เนื้อสบู่อ่อนตัวดีกว่า

ลักษณะของสบู่ที่ดี
1. มีความสามารถทำความสะอาดได้ดี
2. มีฟองในระดับที่เหมาะสม
3. มีความเป็นด่างน้อยในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหรือทำลายชั้นไขมันของผิว
4. สบู่ก้อนไม่มีเนื้อเหลว แตกหักง่าย
5. ไม่มีกลิ่นหืน มีกลิ่นหอมน่าใช้ และมีคุณสมบัติเฉพาะในบางกรณี เช่น สบู่ฆ่าเชื้อ

สารเคมีที่ใช้ทำสบู่
1. ไขมัน/น้ำมัน เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสารตั้งต้นสบู่ ไขมันหรือน้ำมันที่ใช้อาจได้จากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม เป็นต้น ส่วนไขมันที่ได้จากสัตว์ เช่น ไขมันโค กระบือ แกะ แพะ เป็นต้น คุณภาพของน้ำมันที่ได้จากพืช และสัตว์จะมีผลต่อคุณภาพของสบู่ เกล็ดสบู่ (soap)ที่ได้จากน้ำมันพืชจะให้ลักษณะขาวเนียน และกลีเซอรีนจะค่อนข้างใสกว่าน้ำมันจากสัตว์ นอกจานั้น เกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากน้ำมันจากพืชจะมีกลิ่นหืนน้อยกว่าน้ำมันจากสัตว์ อีกทั้งน้ำมันจากพืชยังเป็นวัตถุดิบที่หาง่าย และราคาถูกกว่า

2. ด่างเข้มข้น เป็นสารเคมีสำคัญที่ใช้ทำปฏิกิริยากับไขมันธรรมชาติ ด่างเข้มข้นที่นิยมใช้ คือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งจะได้เนื้อสบู่สีขาวทึบ เนื้อก้อนแข็ง ให้ฟองมาก นิยมนำมาทำสบู่ก้อนทึบ และอีกชนิดหนึ่ง คือ โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งจะได้สบู่ในลักษณะเดียวกัน แต่เนื้อสบู่มีความอ่อนตัวได้ดีกว่า นิยมนำมาทำสบู่เหลว

3. สารเติมแต่ง เป็นสารเคมีสำหรับปรับปรุงคุณสมบัติของสบู่ เช่น สี น้ำหอม สมุนไพร สารป้องกันความชื้น สารลดความเป็นด่าง สารลดแรงตึงผิว สารทำให้ฟองคงตัว สารเพิ่มความแข็ง สารป้องกันการออกซิเดชัน สารบำรุงผิว สารฆ่าเชื้อ เป็นต้น เป็นสารเติมแต่งที่นิยมผสมในสบู่เพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะแก่การใช้ประโยชน์ในแต่ละอย่าง

วิธีการทำสบู่
การทำสบู่ในระดับอุตสาหกรรม และระดับครัวเรือน ในกรรมวิธีหลักๆจะไม่แตกต่างกันมาก แต่ในทางอุตสาหกรรมจะมีกระบวนการที่ละเอียด และซับซ้อนกว่า โดยในภาคอุตสาหกรรมอาจเตรียมสบู่สารตั้งต้นเองหรือสั่งซื้อจากอีกแหล่งที่ทำหน้าที่รับผลิต ทั้งที่เป็นเกล็ดสบู่ (soap) เพื่อผลิตสบู่ก้อนขุ่น หรือสบู่เหลว และกลีเซอรีน เพื่อผลิตสบู่ก้อนใส
1. การผลิตสบู่ในภาคอุตสาหกรรม
สำหรับภาคครัวเรือนสามารถผลิตได้ทั้งสบู่ก้อนขุ่น สบู่ก้อนใส และสบู่เหลว โดยนิยมสั่งซื้อเกล็ดสบู่ (soap) และกลีเซอรีน จากแหล่งจำหน่ายโดยไม่ต้องเตรียมเอง

ขั้นตอนการผลิตสบู่ภาคอุตสาหกรรม
– การฟอกสีน้ำมันวัตถุดิบเพื่อให้น้ำมันมีสีใส และไม่มีกลิ่นหืน
– การต้มสบู่ เพื่อให้ได้เกล็ดสบู่ และกลีเซอรีน ด้วยการเติมด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์หรือโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์
– ขั้นตอนการแยก โดยการแยกเกล็ดสบู่ และกลีเซอรีนออกจากกัน
– ขั้นตอนการฟิต เป็นการนำเอาเกล็ดสบู่เข้าหม้อฟิตเพื่อกำจัดเกลือที่ตกค้างในเกล็ดสบู่
– การระเหยน้ำ ด้วยการเป่าแห้งเกล็ดสบู่เหลวเพื่อกำจัดน้ำที่ผสมอยู่ และเพื่อให้เกล็ดสบู่แห้งจับตัวเป็นก้อน เรียกว่า สบู่ดิบ
– นำสบู่ดิบมาผสมกับส่วนผสมต่างๆ ภายใต้ความร้อนจนสารทั้งหมดละลายรวมตัวกัน และผ่านเข้าเครื่องอัดความหนาแน่นเพื่อให้สบู่เป็นก้อนที่คงตัว และสม่ำเสมอ
– เมื่อสบู่ที่ออกจากเครื่องอัดความหนาแน่นแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการรีดให้เป็นแท่งยาว และตัดด้วยเครื่อง
– ก้อนสบู่ที่ตัดเป็นก้อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการปั้มบนแม่พิมพ์ และตีตรา เข้าสู่ขั้นตอนการบรรจุในขั้นสุดท้าย

2. การผลิตสบู่สมุนไพรภาคครัวเรือน
2.1 สารตั้งต้น
การทำสบู่ในภาคครัวเรือนนิยมผลิตสบู่ก้อนขุ่น สบู่ก้อนใส และสบู่เหลว ซึ่งจะใช้สารตั้งต้นที่แตกต่างกัน โดยสามารถสั่งชื้อได้ตามอินเตอร์เน็ตหรือร้านขายส่งสารเคมีทั่วไป
– สบู่ก้อนขุ่น ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่เกิดจากการใช้ด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์
– สบู่ก้อนใส ใช้สารตั้งต้น คือ กลีเซอรีนก้อน
– สบู่เหลว ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่เกิดจากการใช้ด่างโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์

วิธีการเตรียมสารตั้งต้น
วัสดุ และสารเคมี:
– น้ำ 1 ลิตร
– โซเดียมไฮดรอกไซด์ 100 กรัม
– น้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม 3 ลิตร

วิธีการ:
– ละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ในหม้อที่ต้มน้ำ คนให้ละลายจนหมด และตั้งทิ้งไว้ให้อุ่น
– เทน้ำมันพืชลงในหม้อ กวนให้เข้ากัน และเทใส่แม่พิมพ์หรือภาชนะอื่น
– รินน้ำ และสารละลายใสที่เป็นกลีเซอรีนส่วนบนออก
– สบู่จะนอนก้นเป็นตะกอนขาวขุ่น ซึ่งต้องตั้งทิ้งไว้ให้เย็น จนเกล็ดสบู่ (soap) จับตัวเป็นก้อน สำหรับการทำสบู่ก้อนขุ่น

2.2 สมุนไพร
สมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนผสมทำสบู่มีมากมายหลายชนิด ซึ่งอาจประยุกต์ใช้สมุนไพรชนิดอื่นนอกเหนือจากที่ยกตัวอย่าง
– มะขาม มะนาว มะกรูดให้วิตามินซี และกรด ช่วยขัดเซลล์ผิว และป้องกันเชื้อจุลินทรีย์
– เปลือกมังคุดให้วิตามินดี ลดรอยด่างดำ
– มะละกอ ให้วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวให้ขาว
– ว่านหางจระเข้ ให้วิตามินอีช่วยลดรอยจุดด่างดำ
– ขมิ้น ดาวเรือง ช่วยบำรุงผิว

การเตรียมสมุนไพร สามารถทำได้โดย
– การทำเป็นผง ด้วยการตากแห้ง และนำมาบดให้เป็นผงละเอียด และนำตากให้แห้งอีกครั้ง
– การสกัดเป็นสารละลาย ด้วยการบดสมุนไพรให้ละเอียด และนำมาต้มสกัดหรือนำมาแช่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ผสมกับน้ำ

สบู่สมุนไพรควรเติมผงสมุนไพรประมาณร้อยละ 1-5 ของน้ำหนักสบู่ และสมุนไพรที่ได้จากการต้มสกัด ควรเติมประมาณร้อยละ 5-10 ของน้ำหนักสบู่

2.3 สารเติมแต่ง
– น้ำหอม เป็นสารเติมแต่งที่นิยมเติมในการทำสบู่ สามารถใช้ได้ทั้งน้ำหอมทั่วไปหรือน้ำหอมสำหรับสบู่
– ผงสี สารลดความกระด้าง สารรักษาความชื้น สารป้องกันการหืน ซึ่งสารเหล่านี้อาจไม่ใช้ก็ได้หากไม่สะดวกที่จะหาซื้อ

2.4 ขั้นตอนการทำสบู่
– นำเกล็ดเกล็ดสบู่ใส่หม้อภาชนะ ตั้งไฟอ่อนๆให้ละลายจนหมด
– เติมสมุนไพร หากเป็นผงประมาณไม่เกิน 50 กรัม หากเป็นน้ำสกัดไม่เกิน 100 ซีซี
– เติมสารเติมแต่ง เช่น น้ำหอม ผงสี และอื่นตามที่หาซื้อได้ พร้อมคนให้ละลายเข้ากัน
– เทสารละลายสบู่ในแม่พิมพ์ และรอจนแห้งตัวก็จะได้สบู่สำหรับใช้งาน

คราวนี้เราก็สามารถทำสบู่ไว้ใช้เองที่บ้านได้แล้วใช่ไหมครับ



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.miracle-soaps.com

การซื้อ รถบ้าน ใช้แล้ว หรือรถมือสอง

การซื้อรถบ้านใช้แล้ว หรือรถมือสอง ถ้าเรามีความละเอียดรอบคอบเพียงพอในการเลือกซื้อ ไตร่ตรองถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจซื้อ ก็จะทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นว่าซื้อแล้วได้ใช้งานคุ้มค่า ผมเองก็เป็นอีกคนที่เลือกใช้รถมือสอง อาจเป็นเพราะสตางค์ในกระเป๋ามีจำกัด อีกทั้งไม่อยากเป็นภาระมานั่งผ่อน ทุกเดือน รถที่ผมใช้ก็ ถือได้ว่าตอบสนองเราได้เป็นอย่างดีเพียงแต่เราดูแลบำรุงรักษารถให้ดี ก็ใช้ไปได้อีกนาน ขนาดที่คิดได้ว่าจะไม่ยอมขายจะใช้ให้พังคามือเลย เป็นธรรมดา สำหรับรถดี ๆ ไม่จุกจิกกวนใจ กวนเงินในกระเป๋าเรา ทีนี้เรามาดูว่ารถมือสอง ที่เราจะซื้อมีวิธีการเลือก คร่าว ๆ อย่างไร

1. ดูตัวถัง body
รถสวยไม่สวยดูภายนอกรอบคัน ก็พอบอกได้ แต่จะดูให้ถึงว่าเคยชนมาหนัก ๆ มั๊ย ก็ต้อง
- เปิดฝากระโปรงหน้ามาดูคานหน้า คานรถทุกคันจะมีรู กลมบ้าง เหลี่ยมบางแล้วแต่ ถ้ารูเบี้ยว ไม่คมก็แสดงว่ามีโดนมา
- ป้ายทะเบียนรถยับมีรอยดัด ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าเคยโดนมา แผ่น plate ที่แปะติดคานมา มีรอยยับหรือดัดมาก็เช่นกัน
- สันด้านข้างตะเข็บความนูนเสมอกันหรือไม่ รอยอ๊าค จากโรงงานกับอู่เคาะพ่นสีก็ต่างกัน
- สำหรับด้านหลัง ก็เปิดฝากระโปรงดูเช่นกัน ไฟท้ายทั้ง 2 ดวงเสมอเบ้าหรือไม่ รอยแยกต่อชิ้นเว้นช่องไฟเท่ากันเปล่ามีเบี้ยวมีเกยกันมั๊ย คานหลังก็ใช้ลักษณะการสังเกตุเหมือนคานหน้าเพียงแต่ต้องลื้อพรมปูท้ายรถออกเพื่อให้เห็นพื้น
- พื้นรถด้านหลังโดยมากจะเป็นรอน ๆ ก็สังเกตุดูว่าเท่ากันหรือเปล่า รถบางคันโดนชนหลังมาช่างเคาะทำดีมากดูแทบไม่ออก มาเสียอีตอนน้ำเข้าตรงไฟท้ายเข้าได้แต่ออกไม่ได้ซะด้วยสิ ต้องเช็ด มีบางคันเศษกระจกหลังยังอยู่ให้เห็นเลยครับ
- ส่วนด้านข้าง ก็ดูเทียบสี จากโรงงานสีเดิม กับอู่สี สีจะเพี้ยนนิดหน่อยแต่ก็พอเห็น ผมใช้วิธีเคาะ ด้วยมะเหง็กของเรานี่แหละ เคาะรอบคันเลยรถ ที่ทำสีมาแล้วเสียงจะทึบ ๆ หน่อย ชิ้นที่สีเดิมจะมีเสียงโปร่ง ๆ หน่อยฟังดีดี จะรู้ถึงความต่าง อันนี้ไม่ยาก
- รถที่เคยหงายตะแคงล้อชี้ฟ้า ก็ดูหลังคารถเคาะ ๆ ดู สังเกตุขอบคิ้วกระจกหน้าหลัง เหมือนกันเปล่ามีรอยแตกของสีโป๊วมั๊ย หลังคาสีสดสวยกว่าประตูข้างมั๊ย

2. เครื่อง ช่วงล่าง เกียร์
- เครื่อง ถ้าเครื่องมีปัญหา หรือ หลวม จะเป็นอย่างนี้ เสียงดัง ไม่นิ่งรอบสูงบ้างต่ำบ้าง เวลาเครื่องร้อนเรา ก็ดูก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมา จะมีควันพุ่งออกมา หรือ น้ำมันเครื่องจะกระเซ็นกระสายเป็นละอองออกมาเอามือไปอัง ๆ ดูก็ได้
- เกียร์ ชุดส่งกำลัง คลัชต์ ถ้าเข้าเกียร์ ออกตัวแล้วสั่น แหงก ๆ กระตุก ๆ เข้าเกียร์ก็ยาก นั่นแหละมีปัญหา วิ่งๆ ไปมีเสียงประสาน หอนแหวกอากาศมาเข้าหูเรา เวลาเข้าเกียร์ว่าง รถจอดนิ่งๆ ไม่ดังก็นั่นแหละ เกียร์ไปแล้ว เกียร์ auto ก่อนเข้าเกียร์เหยียบเบรคคาไว้ เข้าเกียร์ตำแหน่ง D ไม่กระตุกกระชากก็พอได้เปราะหนึ่ง เข้าตำแหน่งเดิม N แล้วไป R ก็ไม่มีอาการอะไรก็แสดงว่าผ่านไปได้แล้ว 70 % มาลองวิ่งดูว่าเกียร์ทำงานทุกเกียร์เปล่า ไม่ใช่เปลี่ยนแค่ 2 เกียร์อันนี้เสร็จแน่ ออกตัวก็เช่นกัน ออกตัวดีมั๊ย ถ้าต้องรอสักพักถึงเคลื่อนตัวได้แสดงว่ามันจะแย่อยู่นะ
- ช่วงล่าง เวลาขับไปเจอฝาท่อ เจอถนนคอนกรีตที่กร่อน มีหลุม บ่อเล็กๆ ลุยเข้าไปเลย เดี๋ยวเสียงกรุ กระ จะปรากฏถ้าไม่แน่น หรือ อาจสะท้านมาถึงพวงมาลัยเลยก็มี

3. ภายในห้องโดยสาร
- กลิ่น ถ้าเปิดรถปุ๊บ สิ่งแรกที่กระทบจมูกโด่ง ๆ ของเราคือกลิ่นอับ ๆ ชื้น ๆ แสดงว่าน้ำเข้ารถ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เอายางปูพื้นออก ดูว่าพื้นพรมมีรอยชื้นของน้ำเปล่า ดูหมดทั้ง 4 จุด
- ดูความเรียบร้อย คอนโซล แตกมั๊ย ช่องแอร์สมบูรณ์เปล่า
- แอร์ เปิดแอร์ เบอร์ 1-4 เลยมันไล่ระดับความแรงหรือเปล่า แรงลมสำคัญจะบอกได้ว่าตันหรือเปล่า เปิดทิ้งไว้แล้วออกไปเดินดูรอบ ๆ รถ 5-6 ชั่วโมง ไม่ใช่ 5นาทีพอ แล้วเดินเข้าไปในรถก็จะรู้ว่าฉ่ำ หรือ ไม่ฉ่ำ มีเสียงอะไรดังผิดปรกติหรือเปล่าแอร์ตัดตามปกติมั๊ย ก็เท่านั้น

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : รถยนต์มือสอง

เครดิต : http://southern2car.com/

2559/11/20

การเลือกซื้อ รถยนต์มือสอง มีวิธีดูรถกันอย่างไร

การเลือกซื้อ รถยนต์มือสอง มีวิธีดูรถกันอย่างไร

ตามปกติทั่วไปแล้ว ถ้าคุณคิดจะซื้อรถยนต์มือสองมาสักคันหนึ่ง คุณคงตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราควรเลือกซื้ออย่างไรดี ซื้อมาแล้วจะคุ้มหรือไม่ เนื่องจากเป็นสินค้ามือสองทำให้คุณต้องใช้ความคิดอย่างหนักเลยทีเดียว เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น เราขอแนะนำเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกซื้อรถยนต์มือสองเบื้องต้น รับรองได้ว่าไม่ผิดหวังแน่นอน อาจจะเยอะสักนิดนะครับ

1. ดูกันตั้งแต่จอดอยู่ไกลๆ ซักราวๆ 5 - 3 เมตร ดูรูปทรงของตัวรถทั้งหมด ว่ามีการเอียงหรือไม่ เช่น
1.1 กันชนหน้า ไฟหน้า กระจังหน้า ต้องได้รูปไม่โน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่ง
1.2 ฝากระโปรงหน้า สังเกตร่องระหว่างฝากระโปรงกับแก้ม ต้องเป็นสันตรงกันทั้งสองข้าง ด้านหน้าต้องตรงกันรับกับไฟหน้าและกระจังหน้า
1.3 เสาหลังคา ว่ามีการโน้มเอียงไปหรือไม่ มีความนูนโค้ง หรือเสียรูปไปจากของโรงงาน
1.4 หลังคา ว่ามีการเอียง การยุบ หรือโค้งไม่ได้รูปอย่างไร
1.5 ประตู ร่องระหว่างประตู ระหว่างแก้มหน้า เสาประตู ประตูหลัง จนถึงแก้มหลัง ว่าร่องประตูต่างๆ สังเกตเปรียบเทียบกับรถป้ายแดง สังเกตว่าร่องประตูต่างๆ จะตรงกัน
1.6 กันชนท้าย และฝากระโปรงท้าย ต้องตรงกันไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่ง
1.7 ความสูงต่ำ ว่ามีอาการเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่ หรือมีการดัดแปลงช่วงล่างมาอย่างไร

2. สีรถ ดูระยะเริ่มใกล้ ราวๆ 1- 3 เมตร ดูสีรถรอบคัน ว่ามีส่วนไหนที่ทำสีมาแล้วบ้าง สังเกตสีที่แตกต่าง ความเรียบของผิวรถ ตำหนิต่างๆ เกี่ยวกับสี หรือว่าเคยทำสีมาทั้งคัน ถ้าทำสีมาทั้งคันแล้วต้องดูให้หนัก ต้องสันนิษฐานว่าทำสีทั้งคันเพราะอะไร เจ้าของเดิมเบื่อไม่ชอบสีเดิม สีซีดแล้วไม่สวย เกิดอุบัติเหตุทุกที่ หรือรุนแรงจนอู่ต้องตัดสินใจทำสีใหม่ทั้งคัน

3. เคาะฟังเสียง โดยการแอบไล่เคาะรถบางส่วนหรือรอบคันเพื่อฟังเสียง รถที่ทำสีแล้วมักจะมีการโป๊ว การโป๊วหนาย่อมหมายถึงอุบัติเหตุมาก เราสามารถเคาะดูเสียงที่แตกต่างกันได้ โดยการไล่เคาะฟังเสียงไปทั้งๆ คัน

4. คานหน้ารถ ต้องเปิดฝากระโปรงหน้ารถดูว่า คานหน้าที่ยึดหม้อน้ำว่ามีการทำสีมาหรือไม่ มีการโป๊วสี หรือซ่อมมาอย่างไร สังเกตจากรูน็อตต่างๆ ต้องยังกลม และหมายเลขหน้ารถต้องยังชัดเจน หรือแผ่นเพทต้องไม่เคยชำรุด ทั้งคานบนล่างต้องได้รูป

5. ภายในห้องเครื่อง ว่ามีการทำสีมาแล้วหรือไม่ สังเกตรูปทรงต่างๆ ต้องจับผิดทุกจุด ทั้งรูน็อตต่างๆ รูปทรงต่างๆ ว่าต่างจากของโรงงานมาอย่างไร

6. ภายในฝากระโปรงท้าย เปิดดูว่าคานยึดฝากระโปรงท้าย เบ้ายึดไฟท้าย ห้องเก็บยางอะไหล่ ว่ามีการทำสี เคาะ โป๊ว หรือ ตัดเชื่อมมาหรือไม่ ควรก้มดูด้านล่าง สังเกตหูลากรถ ว่าต่างจากของเดิมมาอย่างไร

7. ใต้ท้องรถ ส่วนใหญ่แล้วมักจะมองข้ามกัน แต่ใต้ท้องรถบ่งบอกถึง การใช้งานแบบทุรกันดาร การตัดต่อตัวถัง การเสียรูปของตัวรถ ความผุของตัวถังที่มักเริ่มจากพื้นรถเป็นอันดับแรก สังเกตเฟรมใต้ท้อง ความบุบครูด สนิมที่เริ่มผุ หรือการแยกกันแล้วของตัวถังรถ

8. ภายในรถ ดูรถมาตั้งนานได้เปิดดูภายในกับเขาเสียที เราต้องเปิดดูภายในเป็นอันดับแรก มาดูว่าต้องดูอะไรบ้าง
8.1 เบาะรถยนต์ ดูว่าเก่าขาด หรือยุบตัวทางด้านไหน หรือเปลี่ยนใหม่มาแล้ว เปลี่ยนเพราะอะไร ใช้งานหนักจนเบาะชำรุดมาก หรือเบาะเดิมไม่สวยถึงได้เปลี่ยนใหม่
8.2 คอนโซลหน้า ว่าเป็นของเดิมจากโรงงาน ไม่เสียรูป มีการแตกที่ผิดปกติ หรือเปลี่ยนใหม่เพราะอะไร
8.3 หน้าปัด เป็นการดูว่าหน้าปัดยังเป็นของเดิมตรงรุ่น ดูระยะกิโลการใช้งาน แต่การเชื่อถือระยะกิโลเป็นหลัก ก็ยังเป็นการผิด เพราะสามารถปรับแต่งกันได้ หรือรถใช้น้อยแต่เครื่องพัง วิ่งลุยน้ำทุกวัน หรือใช้งานหนัก สู้เลือกรถใช้งานมาก แต่ขับถนอมดีกว่า
8.4 พวงมาลัย และ หัวเกียร์ สังเกตพวงมาลัยว่า มีการยุบอย่างไร พวงมาลัยและหัวเกียร์ที่ผ่านการใช้งานหนัก จะมีการสึกหรอสูง จนเป็นมัน เป็นรอยแตก สังเกตลายที่แตกต่างบนพวงมาลัย
8.5 ผ้าหลังคารถ ว่ายังเป็นของเดิมมาจากโรงงาน มีการประกอบยึดใหม่ หรือเปลี่ยนใหม่เพราะอะไร

9. เครื่องยนต์ ถือเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน สังเกตุหาการซ่อมแซม สตาร์ทเครื่อง ฟังเสียง เปิดฝาเติมน้ำมันเครื่อง แล้วสังเกตไอน้ำมันเครื่อง เสียงท่อไอเสีย ควันจากท่อ หรือถ้ามีบุ๊กเซอร์วิสติดมา จะเป็นการดีครับ ลองเปิดดูประวัติการซ่อม และดูด้วยว่าต้องต้องตรงกับทะเบียนรถ และเลขไมล์ในตัวรถ

10. ช่วงล่าง และล้อยาง ลองหมุนโยกพวงมาลัยแรงๆ แต่การทดลองขับขี่เป็นการดีที่สุด ทดสอบการเกาะถนนทางตรงและทางโค้ง ศูนย์ของรถต้องไม่กินซ้ายกินขวาต้องทดลองเลี้ยวกลับรถแบบสุดๆ ทั้งซ้ายและขวา การคืนพวงมาลัย ขึ้นเนินลูกระนาด หรือทดลองบนทางขรุขระ ทุกรูปแบบที่สามารถจะทดสอบได้

ข้อแนะนำ
การเลือกซื้อรถมือสอง มีอีกหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึงอย่างที่ควรรู้ เช่น การตัดต่อตัวถังรถยนต์ การสวมทะเบียนรถ การทำเลขตัวถังขึ้นใหม่ การทำทะเบียนปลอม การซ่อมรถจากซากรถ
การดัดแปลงรถแท็กซี่ การดัดแปลงจากรถรถสองแถววิน แต่การเลือกที่ดีที่สุด คือการหาผู้ที่เชี่ยวชาญดูรถและช่วยตัดสินใจให้ การซื้อจากเจ้าของรถที่รู้จักกัน เต้นท์รถที่มีชื่อเสียงและไว้ใจได้ เพราะส่วนใหญ่แล้วเต้นท์รถส่วนมากมักจะเลือกซื้อรถที่สภาพดี เพื่อป้องกันการขาดทุน การขายไม่ได้ หรือปัญหาหลังการขายอยู่แล้ว



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://southern2car.com/

การเลือกซื้อ รถยนต์มือสอง มีวิธีดูรถกันอย่างไร

การเลือกซื้อ รถยนต์มือสอง มีวิธีดูรถกันอย่างไร

ตามปกติทั่วไปแล้ว ถ้าคุณคิดจะซื้อรถยนต์มือสองมาสักคันหนึ่ง คุณคงตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราควรเลือกซื้ออย่างไรดี ซื้อมาแล้วจะคุ้มหรือไม่ เนื่องจากเป็นสินค้ามือสองทำให้คุณต้องใช้ความคิดอย่างหนักเลยทีเดียว เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น เราขอแนะนำเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกซื้อรถยนต์มือสองเบื้องต้น รับรองได้ว่าไม่ผิดหวังแน่นอน อาจจะเยอะสักนิดนะครับ

1. ดูกันตั้งแต่จอดอยู่ไกลๆ ซักราวๆ 5 - 3 เมตร ดูรูปทรงของตัวรถทั้งหมด ว่ามีการเอียงหรือไม่ เช่น
1.1 กันชนหน้า ไฟหน้า กระจังหน้า ต้องได้รูปไม่โน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่ง
1.2 ฝากระโปรงหน้า สังเกตร่องระหว่างฝากระโปรงกับแก้ม ต้องเป็นสันตรงกันทั้งสองข้าง ด้านหน้าต้องตรงกันรับกับไฟหน้าและกระจังหน้า
1.3 เสาหลังคา ว่ามีการโน้มเอียงไปหรือไม่ มีความนูนโค้ง หรือเสียรูปไปจากของโรงงาน
1.4 หลังคา ว่ามีการเอียง การยุบ หรือโค้งไม่ได้รูปอย่างไร
1.5 ประตู ร่องระหว่างประตู ระหว่างแก้มหน้า เสาประตู ประตูหลัง จนถึงแก้มหลัง ว่าร่องประตูต่างๆ สังเกตเปรียบเทียบกับรถป้ายแดง สังเกตว่าร่องประตูต่างๆ จะตรงกัน
1.6 กันชนท้าย และฝากระโปรงท้าย ต้องตรงกันไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่ง
1.7 ความสูงต่ำ ว่ามีอาการเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่ หรือมีการดัดแปลงช่วงล่างมาอย่างไร

2. สีรถ ดูระยะเริ่มใกล้ ราวๆ 1- 3 เมตร ดูสีรถรอบคัน ว่ามีส่วนไหนที่ทำสีมาแล้วบ้าง สังเกตสีที่แตกต่าง ความเรียบของผิวรถ ตำหนิต่างๆ เกี่ยวกับสี หรือว่าเคยทำสีมาทั้งคัน ถ้าทำสีมาทั้งคันแล้วต้องดูให้หนัก ต้องสันนิษฐานว่าทำสีทั้งคันเพราะอะไร เจ้าของเดิมเบื่อไม่ชอบสีเดิม สีซีดแล้วไม่สวย เกิดอุบัติเหตุทุกที่ หรือรุนแรงจนอู่ต้องตัดสินใจทำสีใหม่ทั้งคัน

3. เคาะฟังเสียง โดยการแอบไล่เคาะรถบางส่วนหรือรอบคันเพื่อฟังเสียง รถที่ทำสีแล้วมักจะมีการโป๊ว การโป๊วหนาย่อมหมายถึงอุบัติเหตุมาก เราสามารถเคาะดูเสียงที่แตกต่างกันได้ โดยการไล่เคาะฟังเสียงไปทั้งๆ คัน

4. คานหน้ารถ ต้องเปิดฝากระโปรงหน้ารถดูว่า คานหน้าที่ยึดหม้อน้ำว่ามีการทำสีมาหรือไม่ มีการโป๊วสี หรือซ่อมมาอย่างไร สังเกตจากรูน็อตต่างๆ ต้องยังกลม และหมายเลขหน้ารถต้องยังชัดเจน หรือแผ่นเพทต้องไม่เคยชำรุด ทั้งคานบนล่างต้องได้รูป

5. ภายในห้องเครื่อง ว่ามีการทำสีมาแล้วหรือไม่ สังเกตรูปทรงต่างๆ ต้องจับผิดทุกจุด ทั้งรูน็อตต่างๆ รูปทรงต่างๆ ว่าต่างจากของโรงงานมาอย่างไร

6. ภายในฝากระโปรงท้าย เปิดดูว่าคานยึดฝากระโปรงท้าย เบ้ายึดไฟท้าย ห้องเก็บยางอะไหล่ ว่ามีการทำสี เคาะ โป๊ว หรือ ตัดเชื่อมมาหรือไม่ ควรก้มดูด้านล่าง สังเกตหูลากรถ ว่าต่างจากของเดิมมาอย่างไร

7. ใต้ท้องรถ ส่วนใหญ่แล้วมักจะมองข้ามกัน แต่ใต้ท้องรถบ่งบอกถึง การใช้งานแบบทุรกันดาร การตัดต่อตัวถัง การเสียรูปของตัวรถ ความผุของตัวถังที่มักเริ่มจากพื้นรถเป็นอันดับแรก สังเกตเฟรมใต้ท้อง ความบุบครูด สนิมที่เริ่มผุ หรือการแยกกันแล้วของตัวถังรถ

8. ภายในรถ ดูรถมาตั้งนานได้เปิดดูภายในกับเขาเสียที เราต้องเปิดดูภายในเป็นอันดับแรก มาดูว่าต้องดูอะไรบ้าง
8.1 เบาะรถยนต์ ดูว่าเก่าขาด หรือยุบตัวทางด้านไหน หรือเปลี่ยนใหม่มาแล้ว เปลี่ยนเพราะอะไร ใช้งานหนักจนเบาะชำรุดมาก หรือเบาะเดิมไม่สวยถึงได้เปลี่ยนใหม่
8.2 คอนโซลหน้า ว่าเป็นของเดิมจากโรงงาน ไม่เสียรูป มีการแตกที่ผิดปกติ หรือเปลี่ยนใหม่เพราะอะไร
8.3 หน้าปัด เป็นการดูว่าหน้าปัดยังเป็นของเดิมตรงรุ่น ดูระยะกิโลการใช้งาน แต่การเชื่อถือระยะกิโลเป็นหลัก ก็ยังเป็นการผิด เพราะสามารถปรับแต่งกันได้ หรือรถใช้น้อยแต่เครื่องพัง วิ่งลุยน้ำทุกวัน หรือใช้งานหนัก สู้เลือกรถใช้งานมาก แต่ขับถนอมดีกว่า
8.4 พวงมาลัย และ หัวเกียร์ สังเกตพวงมาลัยว่า มีการยุบอย่างไร พวงมาลัยและหัวเกียร์ที่ผ่านการใช้งานหนัก จะมีการสึกหรอสูง จนเป็นมัน เป็นรอยแตก สังเกตลายที่แตกต่างบนพวงมาลัย
8.5 ผ้าหลังคารถ ว่ายังเป็นของเดิมมาจากโรงงาน มีการประกอบยึดใหม่ หรือเปลี่ยนใหม่เพราะอะไร

9. เครื่องยนต์ ถือเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน สังเกตุหาการซ่อมแซม สตาร์ทเครื่อง ฟังเสียง เปิดฝาเติมน้ำมันเครื่อง แล้วสังเกตไอน้ำมันเครื่อง เสียงท่อไอเสีย ควันจากท่อ หรือถ้ามีบุ๊กเซอร์วิสติดมา จะเป็นการดีครับ ลองเปิดดูประวัติการซ่อม และดูด้วยว่าต้องต้องตรงกับทะเบียนรถ และเลขไมล์ในตัวรถ

10. ช่วงล่าง และล้อยาง ลองหมุนโยกพวงมาลัยแรงๆ แต่การทดลองขับขี่เป็นการดีที่สุด ทดสอบการเกาะถนนทางตรงและทางโค้ง ศูนย์ของรถต้องไม่กินซ้ายกินขวาต้องทดลองเลี้ยวกลับรถแบบสุดๆ ทั้งซ้ายและขวา การคืนพวงมาลัย ขึ้นเนินลูกระนาด หรือทดลองบนทางขรุขระ ทุกรูปแบบที่สามารถจะทดสอบได้

ข้อแนะนำ
การเลือกซื้อรถมือสอง มีอีกหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึงอย่างที่ควรรู้ เช่น การตัดต่อตัวถังรถยนต์ การสวมทะเบียนรถ การทำเลขตัวถังขึ้นใหม่ การทำทะเบียนปลอม การซ่อมรถจากซากรถ
การดัดแปลงรถแท็กซี่ การดัดแปลงจากรถรถสองแถววิน แต่การเลือกที่ดีที่สุด คือการหาผู้ที่เชี่ยวชาญดูรถและช่วยตัดสินใจให้ การซื้อจากเจ้าของรถที่รู้จักกัน เต้นท์รถที่มีชื่อเสียงและไว้ใจได้ เพราะส่วนใหญ่แล้วเต้นท์รถส่วนมากมักจะเลือกซื้อรถที่สภาพดี เพื่อป้องกันการขาดทุน การขายไม่ได้ หรือปัญหาหลังการขายอยู่แล้ว



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://southern2car.com/

แนะนำเวป ลงโฆษณาฟรี รองรับการแสดงผลทุกหน้าจอ Smart Phone Tablet Desktop

แนะนำเวปลงประกาศฟรี รองรับการแสดงผลทุกหน้าจอ Smart Phone Tablet Desktop

บริการ ลงประกาศฟรี ตลาดซื้อขายออนไลน์ ซื้อบ้าน ขายบ้าน รถมือสอง พระเครื่อง หางาน มือถือ คอมพิวเตอร์ ท่องเที่ยว กล้องดิจิตอล สัตว์เลี้ยง
สมาชิก สามารถสมัคร และ ลงประกาศฟรี ได้ไม่จำกัด สามารถเลื่อนประกาศได้ตลอดเวลา ประกาศหมดอายุจะไม่ลบออกไปจากระบบ สมาชิกสามารถที่จะต่ออายุประกาศ เพื่อนำกลับมาลงประกาศใหม่ได้ตลอดเวลา

หมวดหมู่เด่น กล้อง, อุปกรณ์ถ่ายภาพ, คอมพิวเตอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องประดับ, แฟชั่น , เสื้อผ้า, มือถือ , อุปกรณ์สื่อสาร, เฟอร์นิเจอร์, เสริมสวย , สุขภาพ, ท่องเที่ยว, ทัวร์, ที่พัก, อสังหาริมทรัพย์, อาหารเสริม, แม่และเด็ก, ธุรกิจ ,งาน, ต้นไม้ , สัตว์เลี้ยง, รถ, ยานพาหนะ
ลงประกาศได้ไม่จำกัด
1.2 สามารถเลื่อนประกาศได้ตลอดเวลา
1.3 สามารถต่ออายุการแสดงประกาศได้ตลอดเวลา
1.4 สามารถลบประกาศได้ตลอดเวลา
1.5 แก้ไขข้อมูลส่วนตัว เปลี่ยนรหัสผ่าน
1.6 สามารถเพิ่มรูปภาพได้ 6 รูปภาพ
1.7 มีระบบแจ้งลูกค้าว่า สินค้านี้ได้ขายแล้วหรือยัง
1.8 สามารถอัพเกรดโฆษณาของท่านเป้นแบบ VIP และ ปักหมุดได้ตลอดเวลา
1.9 แสดงรายการประกาศแบบ VIP แบบปักหมุด และแบบหมดอายุ

สนใจลงโฆษณาตำแหน่งพิเศษ สอบถามได้ที่ เปรมภูริศวร์ โทร 089-729-6997 เมลล์ s4340216@hotmail.com
คีเวิด: ลงประกาศฟรี ,Classified ,โฆษณาฟรี ,ลงโฆษณาฟรี ,รถยนต์,รถมือสอง,คอมพิวเตอร์,สุขภาพ,ความงาม



ขอบคุณบทความจาก : http://www.likeshopping.net

สัตว์เศรษฐกิจ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ อาชีพเสริม รายได้เสริม ข่าวสาร ความรู้ ช่องทางทำกิน

เวปไซต์สัตว์เศรษฐกิจ ทำขึ้นเพื่อให้ผู้ที่ต้องการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์เศรษฐกิจแต่ละชนิดได้นำไปพัฒนา ศึกษา และลงมือปฏิบัติ จนสามารถสร้างอาชีพหลัก อาชีพเสริม จนเกิดรายได้หลัก หรือรายได้เสริม หรือเพื่อศึกษาเรียนรู้ และนำไปพัฒนา แบ่งปันความรู้ สืบต่อไป
เนื้อหาทั้งหมด
อธิบายเรื่องราวของสัตว์เศรษฐกิจที่นิยมเลี้ยงทั้งในปัจจุบัน และประวัติความเป็นมาในอดีต ถึงต้นกำเนิด ที่มา การเลี้ยง การดูแล การรักษาตลอดจนการจำหน่ายออกสู่ตลาด ทุกขั้นตอนอย่างละเอียดจนสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงสามารถประกอบเป็นอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ ทั้งในแบบเศรษฐกิจพอเพียง หรือเพื่อธุรกิจการค้าขนาดใหญ่ระดับเจ้าของกิจการได้
เวปไซต์
http://www.animals-farm.com
หมายเหตุ:
เวปไซต์อยู่ในขณะเพิ่มเติมข้อมูลเนื้อหา สัตว์เศรษฐกิจ ให้สมบูรณ์ 100% สามารถติดตามศึกษาข้อมูลข่าวสารได้จากเรื่องราวที่สมบูรณ์แล้ว
คีเวิร์ด สัตว์เศรษฐกิจ,การเลี้ยงหมู,การเลี้ยงเป็ดเทศ,การเลี้ยงผึ้ง,การเลี้ยงหมูขุน,การเลี้ยงแพะ,การเลี้ยงปลา,การเลี้ยงสัตว์



ที่มา : http://www.animals-farm.com/

ขอแนะนำ สมุนไพรโลดทะนงแดง ที่ช่วยรักษาผิว ลดการอักเสบของผิว ลดฝ้า

ขอแนะนำ สมุนไพรโลดทะนงแดง ที่ช่วยรักษาผิว ลดการอักเสบของผิว ลดฝ้า

โลดทะนงแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Trigonostemon reidioides (Kurz) Craib (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Baliospermum reidioides Kurz) จัดอยู่ในวงศ์ยางพารา (EUPHORBIACEAE)

สมุนไพรโลดทะนงแดง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ทะนง รักทะนง (นครราชสีมา), นางแซง (อุบลราชธานี), โลดทะนงแดง (บุรีรัมย์), ดู่เบี้ย ดู่เตี้ย (เพชรบุรี), ทะนงแดง (ประจวบคีรีขันธ์), ข้าวเย็นเนิน หัวยาเข้าเย็นเนิน (ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์), หนาดคำ (ภาคเหนือ) เป็นต้น

ลักษณะของโลดทะนงแดง
ต้นโลดทะนงแดง จัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร มีรากสะสมอาหารพองโต ผิวสีแดงอมสีม่วง เนื้อสีขาว ส่วนลำต้นมีขนาดเรียวเล็ก ขึ้นเป็นกอ โดยทุกส่วนของต้นจะมีขนขึ้น โดยลำต้นจะมีขนสั้นนุ่มขึ้นหนาแน่น สามารถพบได้ตามป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และตามป่าดิบแล้ง

ใบโลดทะนงแดง ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน เนื้อใบหนามีขนนุ่มขึ้นหนาแน่นบนผิวใบทั้งสองด้าน ลักษณะใบเป็นรูปขอบขนาน หรือเป็นรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก มีความกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน มีต่อมเล็ก ๆ อยู่ 2 ต่อม ส่วนขอบใบเรียบ สามารถเห็นเส้นใบย่อยได้ชัดเจน และมีก้านใบยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร

ดอกโลดทะนงแดง ออกดอกเป็นช่อแบบกระจะ ดอกมีสีขาว สีชมพู สีม่วงเข้มหรือเกือบดำ โดยช่อดอกจะออกบริเวณซอกใบและบริเวณกิ่งก้าน มีความยาวประมาณ 7-10 เซนติเมตร ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน โดยจะมีดอกตัวผู้จำนวนมากกว่าอยู่ที่บริเวณโคนของช่อ มีลักษณะตูมกลม และดอกตัวผู้จะมีกลีบเลี้ยงอยู่ 5 กลีบ ก้านดอกมีขน มีกลีบดอก 5 กลีบ และไม่มีขน มีเกสรตัวผู้จำนวน 6 อัน ก้านเกสรจะเชื่อมติดกันเป็นแท่งเดียว ส่วนดอกตัวเมียจะมีลักษณะตูมเป็นรูปไข่ มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ และมีขน ที่จานฐานดอกล้อมรอบฐานของรังไข่ มีรังไข่อยู่เหนือวงกลีบ กลีบดอกเป็นสีขาว โดยสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี

ผลโลดทะนงแดง ลักษณะของผลค่อนข้างกลม ผลแห้งแตกได้ มีขนสั้นนุ่มขึ้นปกคลุมผลอยู่หนาแน่น ผลแบ่งออกเป็นพู 3 พู เห็นได้ชัดเจน ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 12 มิลลิเมตร มีก้านผลสีแดงมีความยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ภายในผลมีเมล็ดลักษณะค่อนข้างกลมหรือเป็นรูปไข่แกมรูปสามเหลี่ยม สีเหลือง ยาวประมาณ 5-6 มิลลิเมตร ผิวเรียบ

หมายเหตุ : โลดทะนง มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ “โลดทะนงแดง” (ชื่อวิทยาศาสตร์ Trigonostemon reidioides (Kurz) Craib) ที่กล่าวในบทความนี้ และอีกชนิดคือ “โลดทะนงขาว” (ชื่อวิทยาศาสตร์ Trigonostemon albiflorus Airy Shaw)[5] โดยทั้งสองชนิดคนส่วนใหญ่จะนิยมปลูกเป็นไม้สมุนไพร แต่ส่วนมากจะรู้จักเฉพาะ “โลดทะนงแดง” ส่วนโลดนงขาวนั้นน้อยคนนักที่จะรู้จัก เนื่องจากเป็นไม้หายาก จึงนิยมใช้โลดทะนงแดงในการแก้พิษกันมากกว่า โดยทั้งสองชนิดนี้มีข้อแตกต่างกันตรงเปลือกหุ้มราก ถ้าเปลือกหุ้มรากเป็นสีแดงจะเรียกว่า “โลดทะนงแดง” หากเปลือกหุ้มรากเป็นสีดำจะเรียกว่า “โลดทะนงขาว“

สรรพคุณของโลดทะนงแดง

โลดทะนงแดง สรรพคุณของรากใช้ต้มกับน้ำดื่ม ช่วยแก้วัณโรค (ราก)
ช่วยแก้หืด (ราก)
ช่วยทำให้อาเจียน โดยใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่ม ใช้ฝนกับน้ำกิน หรือใช้รากเข้ายากับน้ำมะนาว ฝนกับน้ำกินก็ได้
ใช้เป็นยาระบาย (ราก)
ช่วยในการคุมกำเนิด
ช่วยถอนพิษคนกินยาเบื่อยาเมา ด้วยการใช้รากนำมาต้มน้ำดื่ม หรือใช้ฝนกับน้ำกิน ใช้รากเข้ายากับน้ำมะนาว ฝนกับน้ำกินก็ได้
ช่วยแก้เสมหะเป็นพิษ หรืออาการเสมหะหรืออุจจาระเป็นมูกเลือด (ใช้รากฝนกับน้ำกิน)
รากใช้เข้ายากับน้ำมะนาว ใช้ฝนกับน้ำกิน ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (ราก)
แก้อาการเมาพิษเห็ดและหอย (ใช้รากฝนกับน้ำกิน)
ช่วยแก้พิษแมงมุม (ใช้รากเข้ายากับน้ำมะนาว ฝนกับน้ำกิน)
ช่วยแก้พิษงู โดยใช้รากฝนกับน้ำมะนาวหรือเหล้านำมาดื่มแก้พิษงู หรือจะใช้รากผสมกับเมล็ดหมาก ฝนกับน้ำกิน แล้วใช้รากผสมกับน้ำมะนาว นำมาทาแผลจะช่วยแก้พิษงูที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทก็ได้ และให้นำส่วนที่เหลือมาผสมกับน้ำดื่มเพื่อช่วยขับพิษงูอีกทาง (ราก)
ช่วยแก้อาการปวดฝี (ราก)
รากใช้ฝนเกลื่อนฝี หรือใช้ดูดหนองเมื่อฝีแตก (ราก)
รากนำมาใช้ฝนทาแก้อาการฟกช้ำบวม เคล็ดขัดยอก (ราก)
รากใช้ผสมกับปลาไหลเผือก และพญาไฟ ใช้ฝนกับน้ำกินถอนเมาเหล้า (ราก)
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของโลดทะนงแดง

จากการศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลอง ด้วยการป้อนน้ำยาสมุนไพรโลทะนงแดงที่ความเข้ม 50 กรัมต่อลิตร หลังจากหนูทดลองได้รับพิษงูเห่าด้วยการฉีดพิษเป็นเวลา 5 นาที พบว่าน้ำยาโลดทะนงแดงสามารถช่วยืดอายุการตายของหนูได้

มีนักวิจัยพิสูจน์มาแล้วว่าสารจากโลดทะนง สามารถช่วยจับกับโปรตีนพิษงูได้จริง

ประโยชน์ของโลดทะนงแดง

รากใช้ฝนกับน้ำกินช่วยทำให้เลิกดื่มเหล้า (ราก)

เหง้าใช้ฝนทาแก้สิว แก้ฝ้า (เหง้า) (ซึ่งได้ใช้เป็นส่วนประกอบของ สบู่แชมเปญ สบู่ผิวขาว สบู่ผิวใส)

โรงพยาบาลกาบเชิงได้มีการใช้ตำรับยาสมุนไพรโลดทะนงแดงในการรักษาผู้ที่ถูกงูเห่ากัดประมาณ 80 ราย โดยไม่ต้องใช้เซรุ่มแก้พิษงู และพบว่าทุกรายปลอดภัยไม่มีเสียชีวิต นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยมหาสารคามเคยวิจัยโดยใช้สมุนไพรชนิดนี้ในการรักษาตำรวจตระเวนชายแดนที่ถูกงูเห่ากัดจำนวน 36 นาย โดยไม่ใช้เซรุ่มแก้พิษในการรักษา และพบว่าได้ผลดีเกินคาด ไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่พบผลข้างเคียงอีกด้วย

แม้การใช้เซรุ่มจะแก้พิษงูเห่าได้ แต่แผลที่เปื่อยจากพิษงู เซรุ่มไม่ได้ช่วย ถ้าหากใช้โลดทะนงแดง พิษของงูก็จะสลายและแผลก็ไม่เปื่อย (นพ. วีรพัฒน์ เงาธรรมทรรศน์)

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สบู่ตัวขาว

ที่มา : http://www.miracle-soaps.com/

ขอแนะนำ สมุนไพรโลดทะนงแดง ที่ช่วยรักษาผิว ลดการอักเสบของผิว ลดฝ้า

ขอแนะนำ สมุนไพรโลดทะนงแดง ที่ช่วยรักษาผิว ลดการอักเสบของผิว ลดฝ้า

โลดทะนงแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Trigonostemon reidioides (Kurz) Craib (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Baliospermum reidioides Kurz) จัดอยู่ในวงศ์ยางพารา (EUPHORBIACEAE)

สมุนไพรโลดทะนงแดง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ทะนง รักทะนง (นครราชสีมา), นางแซง (อุบลราชธานี), โลดทะนงแดง (บุรีรัมย์), ดู่เบี้ย ดู่เตี้ย (เพชรบุรี), ทะนงแดง (ประจวบคีรีขันธ์), ข้าวเย็นเนิน หัวยาเข้าเย็นเนิน (ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์), หนาดคำ (ภาคเหนือ) เป็นต้น

ลักษณะของโลดทะนงแดง
ต้นโลดทะนงแดง จัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร มีรากสะสมอาหารพองโต ผิวสีแดงอมสีม่วง เนื้อสีขาว ส่วนลำต้นมีขนาดเรียวเล็ก ขึ้นเป็นกอ โดยทุกส่วนของต้นจะมีขนขึ้น โดยลำต้นจะมีขนสั้นนุ่มขึ้นหนาแน่น สามารถพบได้ตามป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และตามป่าดิบแล้ง

ใบโลดทะนงแดง ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน เนื้อใบหนามีขนนุ่มขึ้นหนาแน่นบนผิวใบทั้งสองด้าน ลักษณะใบเป็นรูปขอบขนาน หรือเป็นรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก มีความกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน มีต่อมเล็ก ๆ อยู่ 2 ต่อม ส่วนขอบใบเรียบ สามารถเห็นเส้นใบย่อยได้ชัดเจน และมีก้านใบยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร

ดอกโลดทะนงแดง ออกดอกเป็นช่อแบบกระจะ ดอกมีสีขาว สีชมพู สีม่วงเข้มหรือเกือบดำ โดยช่อดอกจะออกบริเวณซอกใบและบริเวณกิ่งก้าน มีความยาวประมาณ 7-10 เซนติเมตร ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน โดยจะมีดอกตัวผู้จำนวนมากกว่าอยู่ที่บริเวณโคนของช่อ มีลักษณะตูมกลม และดอกตัวผู้จะมีกลีบเลี้ยงอยู่ 5 กลีบ ก้านดอกมีขน มีกลีบดอก 5 กลีบ และไม่มีขน มีเกสรตัวผู้จำนวน 6 อัน ก้านเกสรจะเชื่อมติดกันเป็นแท่งเดียว ส่วนดอกตัวเมียจะมีลักษณะตูมเป็นรูปไข่ มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ และมีขน ที่จานฐานดอกล้อมรอบฐานของรังไข่ มีรังไข่อยู่เหนือวงกลีบ กลีบดอกเป็นสีขาว โดยสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี

ผลโลดทะนงแดง ลักษณะของผลค่อนข้างกลม ผลแห้งแตกได้ มีขนสั้นนุ่มขึ้นปกคลุมผลอยู่หนาแน่น ผลแบ่งออกเป็นพู 3 พู เห็นได้ชัดเจน ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 12 มิลลิเมตร มีก้านผลสีแดงมีความยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ภายในผลมีเมล็ดลักษณะค่อนข้างกลมหรือเป็นรูปไข่แกมรูปสามเหลี่ยม สีเหลือง ยาวประมาณ 5-6 มิลลิเมตร ผิวเรียบ

หมายเหตุ : โลดทะนง มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ “โลดทะนงแดง” (ชื่อวิทยาศาสตร์ Trigonostemon reidioides (Kurz) Craib) ที่กล่าวในบทความนี้ และอีกชนิดคือ “โลดทะนงขาว” (ชื่อวิทยาศาสตร์ Trigonostemon albiflorus Airy Shaw)[5] โดยทั้งสองชนิดคนส่วนใหญ่จะนิยมปลูกเป็นไม้สมุนไพร แต่ส่วนมากจะรู้จักเฉพาะ “โลดทะนงแดง” ส่วนโลดนงขาวนั้นน้อยคนนักที่จะรู้จัก เนื่องจากเป็นไม้หายาก จึงนิยมใช้โลดทะนงแดงในการแก้พิษกันมากกว่า โดยทั้งสองชนิดนี้มีข้อแตกต่างกันตรงเปลือกหุ้มราก ถ้าเปลือกหุ้มรากเป็นสีแดงจะเรียกว่า “โลดทะนงแดง” หากเปลือกหุ้มรากเป็นสีดำจะเรียกว่า “โลดทะนงขาว“

สรรพคุณของโลดทะนงแดง

โลดทะนงแดง สรรพคุณของรากใช้ต้มกับน้ำดื่ม ช่วยแก้วัณโรค (ราก)
ช่วยแก้หืด (ราก)
ช่วยทำให้อาเจียน โดยใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่ม ใช้ฝนกับน้ำกิน หรือใช้รากเข้ายากับน้ำมะนาว ฝนกับน้ำกินก็ได้
ใช้เป็นยาระบาย (ราก)
ช่วยในการคุมกำเนิด
ช่วยถอนพิษคนกินยาเบื่อยาเมา ด้วยการใช้รากนำมาต้มน้ำดื่ม หรือใช้ฝนกับน้ำกิน ใช้รากเข้ายากับน้ำมะนาว ฝนกับน้ำกินก็ได้
ช่วยแก้เสมหะเป็นพิษ หรืออาการเสมหะหรืออุจจาระเป็นมูกเลือด (ใช้รากฝนกับน้ำกิน)
รากใช้เข้ายากับน้ำมะนาว ใช้ฝนกับน้ำกิน ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (ราก)
แก้อาการเมาพิษเห็ดและหอย (ใช้รากฝนกับน้ำกิน)
ช่วยแก้พิษแมงมุม (ใช้รากเข้ายากับน้ำมะนาว ฝนกับน้ำกิน)
ช่วยแก้พิษงู โดยใช้รากฝนกับน้ำมะนาวหรือเหล้านำมาดื่มแก้พิษงู หรือจะใช้รากผสมกับเมล็ดหมาก ฝนกับน้ำกิน แล้วใช้รากผสมกับน้ำมะนาว นำมาทาแผลจะช่วยแก้พิษงูที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทก็ได้ และให้นำส่วนที่เหลือมาผสมกับน้ำดื่มเพื่อช่วยขับพิษงูอีกทาง (ราก)
ช่วยแก้อาการปวดฝี (ราก)
รากใช้ฝนเกลื่อนฝี หรือใช้ดูดหนองเมื่อฝีแตก (ราก)
รากนำมาใช้ฝนทาแก้อาการฟกช้ำบวม เคล็ดขัดยอก (ราก)
รากใช้ผสมกับปลาไหลเผือก และพญาไฟ ใช้ฝนกับน้ำกินถอนเมาเหล้า (ราก)
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของโลดทะนงแดง

จากการศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลอง ด้วยการป้อนน้ำยาสมุนไพรโลทะนงแดงที่ความเข้ม 50 กรัมต่อลิตร หลังจากหนูทดลองได้รับพิษงูเห่าด้วยการฉีดพิษเป็นเวลา 5 นาที พบว่าน้ำยาโลดทะนงแดงสามารถช่วยืดอายุการตายของหนูได้

มีนักวิจัยพิสูจน์มาแล้วว่าสารจากโลดทะนง สามารถช่วยจับกับโปรตีนพิษงูได้จริง

ประโยชน์ของโลดทะนงแดง

รากใช้ฝนกับน้ำกินช่วยทำให้เลิกดื่มเหล้า (ราก)

เหง้าใช้ฝนทาแก้สิว แก้ฝ้า (เหง้า) (ซึ่งได้ใช้เป็นส่วนประกอบของ สบู่แชมเปญ สบู่ผิวขาว สบู่ผิวใส)

โรงพยาบาลกาบเชิงได้มีการใช้ตำรับยาสมุนไพรโลดทะนงแดงในการรักษาผู้ที่ถูกงูเห่ากัดประมาณ 80 ราย โดยไม่ต้องใช้เซรุ่มแก้พิษงู และพบว่าทุกรายปลอดภัยไม่มีเสียชีวิต นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยมหาสารคามเคยวิจัยโดยใช้สมุนไพรชนิดนี้ในการรักษาตำรวจตระเวนชายแดนที่ถูกงูเห่ากัดจำนวน 36 นาย โดยไม่ใช้เซรุ่มแก้พิษในการรักษา และพบว่าได้ผลดีเกินคาด ไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่พบผลข้างเคียงอีกด้วย

แม้การใช้เซรุ่มจะแก้พิษงูเห่าได้ แต่แผลที่เปื่อยจากพิษงู เซรุ่มไม่ได้ช่วย ถ้าหากใช้โลดทะนงแดง พิษของงูก็จะสลายและแผลก็ไม่เปื่อย (นพ. วีรพัฒน์ เงาธรรมทรรศน์)



ที่มา : http://www.miracle-soaps.com/

ข้อดี...ข้อเสีย ของคอนโดมิเนียม

ข้อดี...ข้อเสีย ของคอนโดมิเนียม
เมื่อพูดถึงคอนโด คนที่นิยมบ้านแบบมีพื้นที่โล่งให้เดินเหิน หรือนั่งกินลมชมวิวกับต้นไม้ดอกไม้ในบริเวณบ้านแบบมีพื้นที่ แน่นอนย่อมไม่มีความคิดที่จะซื้อคอนโดไว้ในหัวสมองเพื่ออยู่อาศัยไปตลอดชีวิตแน่นอน แต่หากใครก็ตามที่รักที่จะอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการจราจร สะดวกสบาย อาหารการกิน ก็มีมากมาย รวมถึง อยู่ใกล้สถานที่ราชการ สถานพยาบาล หรืออื่น ๆ คอนโดถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณอย่างแน่นอน แต่คอนโดก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยเหมือนกัน ซึ่ง คอนโดหรืออาคารชุดนั้นจะแบ่งเป็นห้องๆ มีหลายชั้น สร้างขึ้นมาสำหรับขายห้องจึงติดกันในแต่ละชั้นมีด้วยกันหลายห้อง คอนโดมีหลายชั้น หลายตำแหน่งทำให้สามารถเห็นวิวต่างกัน ทิศทางลม หรือแสงแดดก็ต่างกัน ทำให้คอนโดมีหลายราคา ขนาดก็ต่างกัน จำนวนห้องนอน ห้องน้ำก็แตกต่างกันไป

ข้อดี
คอนโดมิเนียม จะได้ทำเลที่การคมนาคมสะดวกกว่าบ้านเดี่ยวหรือทาวเฮ้าส์ ทำให้ประหยัดเวลาในการเดินทาง ได้มีเวลาเหลืออยู่กับครอบครัวมากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายค่าน้ำมัน ค่า บำรุงรักษา ค่าที่จอดรถ
คอนโดมิเนียมมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าได้แก่ สระว่ายน้ำ สวนพักผ่อน ห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่า
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ถูกขโมยน้อยกว่าเนี่ยงจากมีระบบรักษาความปลอดภัยดี ยามรักษาความปลอดภัยเดินตรวจตรา 24 ชั่วโมง มีกล้องวงจรปิดคอยบันทึกการเข้าออกทั้งใน lobby และในลิฟท์ การเข้าออกอาคารต้องแลกบัตรและใช้ Key card ทำให้ยากต่อการบุกรุก
ข้อเสีย
คอนโดมีปัญหาอึดอัดและที่จอดรถน้อย
คอนโดมีแต่เสียงจราจรเป่านกหวีดปริ๊ดๆ ได้แต่กลิ่นท่อไอเสียและท่อระบายน้ำ
ต้องเสียค่าส่วนกลางในการดูแลความสะอาด ค่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
หากเกิดไฟ้ใหม้มีความเสียหายสูงดังนั้นคอนโดต้องมีระบบป้องกันอัคคีภัย มีการซ้อมหนีไฟอยู่เป็นประจำทุกปี
ไม่สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยง หมา และแมวได้ คอนโดมักออกกฎห้ามเลี้ยง

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ลงประกาศขายคอนโด

ที่มา : http://www.land-house.info/

2559/11/19

มาทำความรู้จัก สบู่ และ วิธีการทำสบู่ใช้เองที่บ้าน

สบู่ เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดร่างกายที่ได้จากปฏิกิริยาของด่างกับไขมันจากพืชหรือสัตว์ ปัจจุบัน สบู่มีการใช้ส่วนผสมชนิดต่างๆเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของสบู่ให้มีลักษณะพิเศษ ตรงตามความต้องการใช้งานที่หลากหลายขึ้น เช่น ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ผิวขาวใส ทำให้ผิวนุ่ม ลื่น และ สะอาด

สบู่” จากคำข้างต้น หมายถึง ผลิตภัณฑ์ของสบู่ที่ทำให้เป็นก้อนหรือเป็นของเหลว พร้อมด้วยส่วนผสมต่างๆ เพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับการใช้ทำความสะอาด ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์สบู่ที่เราใช้กันในทุกวันนี้ ส่วน “สบู่ (soap)” อีกคำที่พบในสมการเคมีจะหมายถึง สารตั้งต้นสำหรับการผลิตสบู่ นั่นก็คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากปฏิกิริยาระหว่างด่างเข้มข้นกับไขมันพืชหรือสัตว์ ร่วมด้วยกับกลีเซอรีน (Glycerine)/กลีเซอรอล (Glycerol) ซึ่งสารทั้งสองเป็นสารตั้งต้นในการทำสบู่เหมือนกัน แต่จะให้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเรียกว่า “เกล็ดสบู่”

รู้ไหมว่าสบู่ที่เราๆใช้กันโดยทั่วไปนี้คือ Detergen หรือสารซักฟอก เพราะถ้าเป็นสบู่ธรรมชาติที่แท้จริงนั้นจะต้องเกิดจากปฏิกริยาที่เรียกว่า Saponification ระหว่างด่างกับไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ ผลลัพท์ของปฎิกริยานี้จะได้สบู่และกรีเซอรีน ซึ่งมีคุณสมบัติดีต่อผิว แต่ด้วยเหตุผลในทางการค้าผู้ผลิตมักจะแยกเอากรีเซอรีนออกไป เราจึงได้ใช้แต่กากสบู่ แต่ถ้าคุณต้องการทำความสะอาดผิวไปพร้อมๆกับการถนอมและบำรุงผิวละก็ ลองนี่เลย สบู่ก้อนใสสมุนไพร สูตร มะเฟือง น้ำผึ้ง ขมิ้น วิธีทำก็ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาทำไม่ถึงครึ่งชั่วโมง สบู่สูตรนี้มีสรรพคุณเด่นเหนือสบู่ที่คุณๆใช้อยู่คือ จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าได้ดี เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวให้นวลเนียน กระชับรูขุมขน และลดสิวเสี้ยน ถ้าเราทำเอง ต้นทุน ต่อนำหนักสบู่ 1 กิโลกรัม ไม่เกิน 250 บาท สบู่สมุนไพรที่ทำขายกันทั่วๆ ไปไม่รู้ว่าเขาใส่อะไรลงไปบ้าง ดีจริงเหมือนโฆษณาหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เคยลองคำนวณราคาสบู่สมุนไพรที่เขาขายกันทั่วๆไปเฉลี่ยแล้วราคาประมาณ 1 บาท ต่อน้ำหนักสบู่ 1 กรัม หรือ กิโลกรัมละ 1,000 บาท ที่แนะนำนี่ไม่ได้ให้ทำขายนะ เพราะ พวก สบู่ผิวขาว ถ้าจะทำขายก็จะต้องไปทำบรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม ต้องมีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ต้องโฆษณา ต้องทำการตลาดและอะไรต่อมิอะไรอีกสารพัด ต้องการให้ทำของดีราคาถูกไว้ใช้เองดีกว่า

มาดูส่วนประกอบของสบู่ มีดังนี้ ไขมันพืช/ไขมันสัตว์ โซเดียมไฮดรอกไซด์/โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ = เกล็ดสบู่ (soap) กลีเซอรอล/กลีเซอรีน แอลกอฮอล์ น้ำ

ชนิดของสบู่
1. สบู่ก้อนขุ่น
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่รู้จัก และใช้กันมานานจนถึงปัจจุบัน มีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาวขุ่นหรือมีสีต่างๆ ตามสีของสารเติมแต่ง เช่น สีเขียว สีชมพู สีม่วง เป็นต้น สบู่ชนิดนี้ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่ผลิตได้จากปฏิกิริยาข้างต้นเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต ที่ให้คุณสมบัติเป็นก้อนแข็ง ขาวขุ่น ให้ฟองมาก

2. สบู่ก้อนใส
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่มีลักษณะก้อนใสหรือค่อนข้างใสตามสัดส่วนของกลีเซอรีนที่ผสม ก้อนสบู่จะมีลักษณะอ่อนกว่าสบู่ก้อนขุ่น และสามารถทำให้เกิดสีใสต่างๆตามสารให้สีที่เติมผสม สบู่ชนิดนี้จะให้ฟองค่อนข้างน้อยกว่าสบู่ก้อนขุ่น เนื่องจากมีส่วนผสมของกลีเซอรีนเป็นส่วนใหญ่ สารตั้งต้นที่ใช้อาจเป็นกลีเซอรีนเหลวหรือกลีเซอรีนก้อน (กลีเซอรีนเหลว เอทิลแอลกอฮอล์) ร่วมด้วยกับสารเติมแต่งชนิดต่างๆ

3. สบู่เหลว
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่มีน้ำเป็นส่วนผสมทำให้เนื้อสบู่เหลว สีสีสันต่างๆตามสารเติมแต่ง สบู่ชนิดนี้ใช้สารตั้งต้นจากเกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากปฏิกิริยาข้างต้นเหมือนชนิดสบู่ก้อนขุ่น แต่ต่างกันที่จะใช้ด่างเข้มข้นโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์แทนโซเดียมไฮดรอกไซด์ เพราะจะให้เนื้อสบู่อ่อนตัวดีกว่า

ลักษณะของสบู่ที่ดี
1. มีความสามารถทำความสะอาดได้ดี
2. มีฟองในระดับที่เหมาะสม
3. มีความเป็นด่างน้อยในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหรือทำลายชั้นไขมันของผิว
4. สบู่ก้อนไม่มีเนื้อเหลว แตกหักง่าย
5. ไม่มีกลิ่นหืน มีกลิ่นหอมน่าใช้ และมีคุณสมบัติเฉพาะในบางกรณี เช่น สบู่ฆ่าเชื้อ

สารเคมีที่ใช้ทำสบู่
1. ไขมัน/น้ำมัน เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสารตั้งต้นสบู่ ไขมันหรือน้ำมันที่ใช้อาจได้จากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม เป็นต้น ส่วนไขมันที่ได้จากสัตว์ เช่น ไขมันโค กระบือ แกะ แพะ เป็นต้น คุณภาพของน้ำมันที่ได้จากพืช และสัตว์จะมีผลต่อคุณภาพของสบู่ เกล็ดสบู่ (soap)ที่ได้จากน้ำมันพืชจะให้ลักษณะขาวเนียน และกลีเซอรีนจะค่อนข้างใสกว่าน้ำมันจากสัตว์ นอกจานั้น เกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากน้ำมันจากพืชจะมีกลิ่นหืนน้อยกว่าน้ำมันจากสัตว์ อีกทั้งน้ำมันจากพืชยังเป็นวัตถุดิบที่หาง่าย และราคาถูกกว่า

2. ด่างเข้มข้น เป็นสารเคมีสำคัญที่ใช้ทำปฏิกิริยากับไขมันธรรมชาติ ด่างเข้มข้นที่นิยมใช้ คือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งจะได้เนื้อสบู่สีขาวทึบ เนื้อก้อนแข็ง ให้ฟองมาก นิยมนำมาทำสบู่ก้อนทึบ และอีกชนิดหนึ่ง คือ โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งจะได้สบู่ในลักษณะเดียวกัน แต่เนื้อสบู่มีความอ่อนตัวได้ดีกว่า นิยมนำมาทำสบู่เหลว

3. สารเติมแต่ง เป็นสารเคมีสำหรับปรับปรุงคุณสมบัติของสบู่ เช่น สี น้ำหอม สมุนไพร สารป้องกันความชื้น สารลดความเป็นด่าง สารลดแรงตึงผิว สารทำให้ฟองคงตัว สารเพิ่มความแข็ง สารป้องกันการออกซิเดชัน สารบำรุงผิว สารฆ่าเชื้อ เป็นต้น เป็นสารเติมแต่งที่นิยมผสมในสบู่เพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะแก่การใช้ประโยชน์ในแต่ละอย่าง

วิธีการทำสบู่
การทำสบู่ในระดับอุตสาหกรรม และระดับครัวเรือน ในกรรมวิธีหลักๆจะไม่แตกต่างกันมาก แต่ในทางอุตสาหกรรมจะมีกระบวนการที่ละเอียด และซับซ้อนกว่า โดยในภาคอุตสาหกรรมอาจเตรียมสบู่สารตั้งต้นเองหรือสั่งซื้อจากอีกแหล่งที่ทำหน้าที่รับผลิต ทั้งที่เป็นเกล็ดสบู่ (soap) เพื่อผลิตสบู่ก้อนขุ่น หรือสบู่เหลว และกลีเซอรีน เพื่อผลิตสบู่ก้อนใส
1. การผลิตสบู่ในภาคอุตสาหกรรม
สำหรับภาคครัวเรือนสามารถผลิตได้ทั้งสบู่ก้อนขุ่น สบู่ก้อนใส และสบู่เหลว โดยนิยมสั่งซื้อเกล็ดสบู่ (soap) และกลีเซอรีน จากแหล่งจำหน่ายโดยไม่ต้องเตรียมเอง

ขั้นตอนการผลิตสบู่ภาคอุตสาหกรรม
– การฟอกสีน้ำมันวัตถุดิบเพื่อให้น้ำมันมีสีใส และไม่มีกลิ่นหืน
– การต้มสบู่ เพื่อให้ได้เกล็ดสบู่ และกลีเซอรีน ด้วยการเติมด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์หรือโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์
– ขั้นตอนการแยก โดยการแยกเกล็ดสบู่ และกลีเซอรีนออกจากกัน
– ขั้นตอนการฟิต เป็นการนำเอาเกล็ดสบู่เข้าหม้อฟิตเพื่อกำจัดเกลือที่ตกค้างในเกล็ดสบู่
– การระเหยน้ำ ด้วยการเป่าแห้งเกล็ดสบู่เหลวเพื่อกำจัดน้ำที่ผสมอยู่ และเพื่อให้เกล็ดสบู่แห้งจับตัวเป็นก้อน เรียกว่า สบู่ดิบ
– นำสบู่ดิบมาผสมกับส่วนผสมต่างๆ ภายใต้ความร้อนจนสารทั้งหมดละลายรวมตัวกัน และผ่านเข้าเครื่องอัดความหนาแน่นเพื่อให้สบู่เป็นก้อนที่คงตัว และสม่ำเสมอ
– เมื่อสบู่ที่ออกจากเครื่องอัดความหนาแน่นแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการรีดให้เป็นแท่งยาว และตัดด้วยเครื่อง
– ก้อนสบู่ที่ตัดเป็นก้อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการปั้มบนแม่พิมพ์ และตีตรา เข้าสู่ขั้นตอนการบรรจุในขั้นสุดท้าย

2. การผลิตสบู่สมุนไพรภาคครัวเรือน
2.1 สารตั้งต้น
การทำสบู่ในภาคครัวเรือนนิยมผลิตสบู่ก้อนขุ่น สบู่ก้อนใส และสบู่เหลว ซึ่งจะใช้สารตั้งต้นที่แตกต่างกัน โดยสามารถสั่งชื้อได้ตามอินเตอร์เน็ตหรือร้านขายส่งสารเคมีทั่วไป
– สบู่ก้อนขุ่น ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่เกิดจากการใช้ด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์
– สบู่ก้อนใส ใช้สารตั้งต้น คือ กลีเซอรีนก้อน
– สบู่เหลว ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่เกิดจากการใช้ด่างโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์

วิธีการเตรียมสารตั้งต้น
วัสดุ และสารเคมี:
– น้ำ 1 ลิตร
– โซเดียมไฮดรอกไซด์ 100 กรัม
– น้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม 3 ลิตร

วิธีการ:
– ละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ในหม้อที่ต้มน้ำ คนให้ละลายจนหมด และตั้งทิ้งไว้ให้อุ่น
– เทน้ำมันพืชลงในหม้อ กวนให้เข้ากัน และเทใส่แม่พิมพ์หรือภาชนะอื่น
– รินน้ำ และสารละลายใสที่เป็นกลีเซอรีนส่วนบนออก
– สบู่จะนอนก้นเป็นตะกอนขาวขุ่น ซึ่งต้องตั้งทิ้งไว้ให้เย็น จนเกล็ดสบู่ (soap) จับตัวเป็นก้อน สำหรับการทำสบู่ก้อนขุ่น

2.2 สมุนไพร
สมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนผสมทำสบู่มีมากมายหลายชนิด ซึ่งอาจประยุกต์ใช้สมุนไพรชนิดอื่นนอกเหนือจากที่ยกตัวอย่าง
– มะขาม มะนาว มะกรูดให้วิตามินซี และกรด ช่วยขัดเซลล์ผิว และป้องกันเชื้อจุลินทรีย์
– เปลือกมังคุดให้วิตามินดี ลดรอยด่างดำ
– มะละกอ ให้วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวให้ขาว
– ว่านหางจระเข้ ให้วิตามินอีช่วยลดรอยจุดด่างดำ
– ขมิ้น ดาวเรือง ช่วยบำรุงผิว

การเตรียมสมุนไพร สามารถทำได้โดย
– การทำเป็นผง ด้วยการตากแห้ง และนำมาบดให้เป็นผงละเอียด และนำตากให้แห้งอีกครั้ง
– การสกัดเป็นสารละลาย ด้วยการบดสมุนไพรให้ละเอียด และนำมาต้มสกัดหรือนำมาแช่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ผสมกับน้ำ

สบู่สมุนไพรควรเติมผงสมุนไพรประมาณร้อยละ 1-5 ของน้ำหนักสบู่ และสมุนไพรที่ได้จากการต้มสกัด ควรเติมประมาณร้อยละ 5-10 ของน้ำหนักสบู่

2.3 สารเติมแต่ง
– น้ำหอม เป็นสารเติมแต่งที่นิยมเติมในการทำสบู่ สามารถใช้ได้ทั้งน้ำหอมทั่วไปหรือน้ำหอมสำหรับสบู่
– ผงสี สารลดความกระด้าง สารรักษาความชื้น สารป้องกันการหืน ซึ่งสารเหล่านี้อาจไม่ใช้ก็ได้หากไม่สะดวกที่จะหาซื้อ

2.4 ขั้นตอนการทำสบู่
– นำเกล็ดเกล็ดสบู่ใส่หม้อภาชนะ ตั้งไฟอ่อนๆให้ละลายจนหมด
– เติมสมุนไพร หากเป็นผงประมาณไม่เกิน 50 กรัม หากเป็นน้ำสกัดไม่เกิน 100 ซีซี
– เติมสารเติมแต่ง เช่น น้ำหอม ผงสี และอื่นตามที่หาซื้อได้ พร้อมคนให้ละลายเข้ากัน
– เทสารละลายสบู่ในแม่พิมพ์ และรอจนแห้งตัวก็จะได้สบู่สำหรับใช้งาน

คราวนี้เราก็สามารถทำสบู่ไว้ใช้เองที่บ้านได้แล้วใช่ไหมครับ



ที่มา : http://www.miracle-soaps.com

มาทำความรู้จัก สบู่ และ วิธีการทำสบู่ใช้เองที่บ้าน

สบู่ เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดร่างกายที่ได้จากปฏิกิริยาของด่างกับไขมันจากพืชหรือสัตว์ ปัจจุบัน สบู่มีการใช้ส่วนผสมชนิดต่างๆเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของสบู่ให้มีลักษณะพิเศษ ตรงตามความต้องการใช้งานที่หลากหลายขึ้น เช่น ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ผิวขาวใส ทำให้ผิวนุ่ม ลื่น และ สะอาด

“สบู่” จากคำข้างต้น หมายถึง ผลิตภัณฑ์ของสบู่ที่ทำให้เป็นก้อนหรือเป็นของเหลว พร้อมด้วยส่วนผสมต่างๆ เพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับการใช้ทำความสะอาด ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์สบู่ที่เราใช้กันในทุกวันนี้ ส่วน “สบู่ (soap)” อีกคำที่พบในสมการเคมีจะหมายถึง สารตั้งต้นสำหรับการผลิตสบู่ นั่นก็คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากปฏิกิริยาระหว่างด่างเข้มข้นกับไขมันพืชหรือสัตว์ ร่วมด้วยกับกลีเซอรีน (Glycerine)/กลีเซอรอล (Glycerol) ซึ่งสารทั้งสองเป็นสารตั้งต้นในการทำสบู่เหมือนกัน แต่จะให้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเรียกว่า “เกล็ดสบู่”

รู้ไหมว่าสบู่ที่เราๆใช้กันโดยทั่วไปนี้คือ Detergen หรือสารซักฟอก เพราะถ้าเป็นสบู่ธรรมชาติที่แท้จริงนั้นจะต้องเกิดจากปฏิกริยาที่เรียกว่า Saponification ระหว่างด่างกับไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ ผลลัพท์ของปฎิกริยานี้จะได้สบู่และกรีเซอรีน ซึ่งมีคุณสมบัติดีต่อผิว แต่ด้วยเหตุผลในทางการค้าผู้ผลิตมักจะแยกเอากรีเซอรีนออกไป เราจึงได้ใช้แต่กากสบู่ แต่ถ้าคุณต้องการทำความสะอาดผิวไปพร้อมๆกับการถนอมและบำรุงผิวละก็ ลองนี่เลย สบู่ก้อนใสสมุนไพร สูตร มะเฟือง น้ำผึ้ง ขมิ้น วิธีทำก็ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาทำไม่ถึงครึ่งชั่วโมง สบู่สูตรนี้มีสรรพคุณเด่นเหนือสบู่ที่คุณๆใช้อยู่คือ จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าได้ดี เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวให้นวลเนียน กระชับรูขุมขน และลดสิวเสี้ยน ถ้าเราทำเอง ต้นทุน ต่อนำหนักสบู่ 1 กิโลกรัม ไม่เกิน 250 บาท สบู่สมุนไพรที่ทำขายกันทั่วๆ ไปไม่รู้ว่าเขาใส่อะไรลงไปบ้าง ดีจริงเหมือนโฆษณาหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เคยลองคำนวณราคาสบู่สมุนไพรที่เขาขายกันทั่วๆไปเฉลี่ยแล้วราคาประมาณ 1 บาท ต่อน้ำหนักสบู่ 1 กรัม หรือ กิโลกรัมละ 1,000 บาท ที่แนะนำนี่ไม่ได้ให้ทำขายนะ เพราะ พวก สบู่ผิวขาว ถ้าจะทำขายก็จะต้องไปทำบรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม ต้องมีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ต้องโฆษณา ต้องทำการตลาดและอะไรต่อมิอะไรอีกสารพัด ต้องการให้ทำของดีราคาถูกไว้ใช้เองดีกว่า

มาดูส่วนประกอบของสบู่ มีดังนี้ ไขมันพืช/ไขมันสัตว์ โซเดียมไฮดรอกไซด์/โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ = เกล็ดสบู่ (soap) กลีเซอรอล/กลีเซอรีน แอลกอฮอล์ น้ำ

ชนิดของสบู่
1. สบู่ก้อนขุ่น
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่รู้จัก และใช้กันมานานจนถึงปัจจุบัน มีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาวขุ่นหรือมีสีต่างๆ ตามสีของสารเติมแต่ง เช่น สีเขียว สีชมพู สีม่วง เป็นต้น สบู่ชนิดนี้ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่ผลิตได้จากปฏิกิริยาข้างต้นเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต ที่ให้คุณสมบัติเป็นก้อนแข็ง ขาวขุ่น ให้ฟองมาก

2. สบู่ก้อนใส
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่มีลักษณะก้อนใสหรือค่อนข้างใสตามสัดส่วนของกลีเซอรีนที่ผสม ก้อนสบู่จะมีลักษณะอ่อนกว่าสบู่ก้อนขุ่น และสามารถทำให้เกิดสีใสต่างๆตามสารให้สีที่เติมผสม สบู่ชนิดนี้จะให้ฟองค่อนข้างน้อยกว่าสบู่ก้อนขุ่น เนื่องจากมีส่วนผสมของกลีเซอรีนเป็นส่วนใหญ่ สารตั้งต้นที่ใช้อาจเป็นกลีเซอรีนเหลวหรือกลีเซอรีนก้อน (กลีเซอรีนเหลว เอทิลแอลกอฮอล์) ร่วมด้วยกับสารเติมแต่งชนิดต่างๆ

3. สบู่เหลว
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่มีน้ำเป็นส่วนผสมทำให้เนื้อสบู่เหลว สีสีสันต่างๆตามสารเติมแต่ง สบู่ชนิดนี้ใช้สารตั้งต้นจากเกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากปฏิกิริยาข้างต้นเหมือนชนิดสบู่ก้อนขุ่น แต่ต่างกันที่จะใช้ด่างเข้มข้นโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์แทนโซเดียมไฮดรอกไซด์ เพราะจะให้เนื้อสบู่อ่อนตัวดีกว่า

ลักษณะของสบู่ที่ดี
1. มีความสามารถทำความสะอาดได้ดี
2. มีฟองในระดับที่เหมาะสม
3. มีความเป็นด่างน้อยในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหรือทำลายชั้นไขมันของผิว
4. สบู่ก้อนไม่มีเนื้อเหลว แตกหักง่าย
5. ไม่มีกลิ่นหืน มีกลิ่นหอมน่าใช้ และมีคุณสมบัติเฉพาะในบางกรณี เช่น สบู่ฆ่าเชื้อ

สารเคมีที่ใช้ทำสบู่
1. ไขมัน/น้ำมัน เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสารตั้งต้นสบู่ ไขมันหรือน้ำมันที่ใช้อาจได้จากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม เป็นต้น ส่วนไขมันที่ได้จากสัตว์ เช่น ไขมันโค กระบือ แกะ แพะ เป็นต้น คุณภาพของน้ำมันที่ได้จากพืช และสัตว์จะมีผลต่อคุณภาพของสบู่ เกล็ดสบู่ (soap)ที่ได้จากน้ำมันพืชจะให้ลักษณะขาวเนียน และกลีเซอรีนจะค่อนข้างใสกว่าน้ำมันจากสัตว์ นอกจานั้น เกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากน้ำมันจากพืชจะมีกลิ่นหืนน้อยกว่าน้ำมันจากสัตว์ อีกทั้งน้ำมันจากพืชยังเป็นวัตถุดิบที่หาง่าย และราคาถูกกว่า

2. ด่างเข้มข้น เป็นสารเคมีสำคัญที่ใช้ทำปฏิกิริยากับไขมันธรรมชาติ ด่างเข้มข้นที่นิยมใช้ คือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งจะได้เนื้อสบู่สีขาวทึบ เนื้อก้อนแข็ง ให้ฟองมาก นิยมนำมาทำสบู่ก้อนทึบ และอีกชนิดหนึ่ง คือ โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งจะได้สบู่ในลักษณะเดียวกัน แต่เนื้อสบู่มีความอ่อนตัวได้ดีกว่า นิยมนำมาทำสบู่เหลว

3. สารเติมแต่ง เป็นสารเคมีสำหรับปรับปรุงคุณสมบัติของสบู่ เช่น สี น้ำหอม สมุนไพร สารป้องกันความชื้น สารลดความเป็นด่าง สารลดแรงตึงผิว สารทำให้ฟองคงตัว สารเพิ่มความแข็ง สารป้องกันการออกซิเดชัน สารบำรุงผิว สารฆ่าเชื้อ เป็นต้น เป็นสารเติมแต่งที่นิยมผสมในสบู่เพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะแก่การใช้ประโยชน์ในแต่ละอย่าง

วิธีการทำสบู่
การทำสบู่ในระดับอุตสาหกรรม และระดับครัวเรือน ในกรรมวิธีหลักๆจะไม่แตกต่างกันมาก แต่ในทางอุตสาหกรรมจะมีกระบวนการที่ละเอียด และซับซ้อนกว่า โดยในภาคอุตสาหกรรมอาจเตรียมสบู่สารตั้งต้นเองหรือสั่งซื้อจากอีกแหล่งที่ทำหน้าที่รับผลิต ทั้งที่เป็นเกล็ดสบู่ (soap) เพื่อผลิตสบู่ก้อนขุ่น หรือสบู่เหลว และกลีเซอรีน เพื่อผลิตสบู่ก้อนใส
1. การผลิตสบู่ในภาคอุตสาหกรรม
สำหรับภาคครัวเรือนสามารถผลิตได้ทั้งสบู่ก้อนขุ่น สบู่ก้อนใส และสบู่เหลว โดยนิยมสั่งซื้อเกล็ดสบู่ (soap) และกลีเซอรีน จากแหล่งจำหน่ายโดยไม่ต้องเตรียมเอง

ขั้นตอนการผลิตสบู่ภาคอุตสาหกรรม
– การฟอกสีน้ำมันวัตถุดิบเพื่อให้น้ำมันมีสีใส และไม่มีกลิ่นหืน
– การต้มสบู่ เพื่อให้ได้เกล็ดสบู่ และกลีเซอรีน ด้วยการเติมด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์หรือโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์
– ขั้นตอนการแยก โดยการแยกเกล็ดสบู่ และกลีเซอรีนออกจากกัน
– ขั้นตอนการฟิต เป็นการนำเอาเกล็ดสบู่เข้าหม้อฟิตเพื่อกำจัดเกลือที่ตกค้างในเกล็ดสบู่
– การระเหยน้ำ ด้วยการเป่าแห้งเกล็ดสบู่เหลวเพื่อกำจัดน้ำที่ผสมอยู่ และเพื่อให้เกล็ดสบู่แห้งจับตัวเป็นก้อน เรียกว่า สบู่ดิบ
– นำสบู่ดิบมาผสมกับส่วนผสมต่างๆ ภายใต้ความร้อนจนสารทั้งหมดละลายรวมตัวกัน และผ่านเข้าเครื่องอัดความหนาแน่นเพื่อให้สบู่เป็นก้อนที่คงตัว และสม่ำเสมอ
– เมื่อสบู่ที่ออกจากเครื่องอัดความหนาแน่นแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการรีดให้เป็นแท่งยาว และตัดด้วยเครื่อง
– ก้อนสบู่ที่ตัดเป็นก้อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการปั้มบนแม่พิมพ์ และตีตรา เข้าสู่ขั้นตอนการบรรจุในขั้นสุดท้าย

2. การผลิตสบู่สมุนไพรภาคครัวเรือน
2.1 สารตั้งต้น
การทำสบู่ในภาคครัวเรือนนิยมผลิตสบู่ก้อนขุ่น สบู่ก้อนใส และสบู่เหลว ซึ่งจะใช้สารตั้งต้นที่แตกต่างกัน โดยสามารถสั่งชื้อได้ตามอินเตอร์เน็ตหรือร้านขายส่งสารเคมีทั่วไป
– สบู่ก้อนขุ่น ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่เกิดจากการใช้ด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์
– สบู่ก้อนใส ใช้สารตั้งต้น คือ กลีเซอรีนก้อน
– สบู่เหลว ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่เกิดจากการใช้ด่างโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์

วิธีการเตรียมสารตั้งต้น
วัสดุ และสารเคมี:
– น้ำ 1 ลิตร
– โซเดียมไฮดรอกไซด์ 100 กรัม
– น้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม 3 ลิตร

วิธีการ:
– ละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ในหม้อที่ต้มน้ำ คนให้ละลายจนหมด และตั้งทิ้งไว้ให้อุ่น
– เทน้ำมันพืชลงในหม้อ กวนให้เข้ากัน และเทใส่แม่พิมพ์หรือภาชนะอื่น
– รินน้ำ และสารละลายใสที่เป็นกลีเซอรีนส่วนบนออก
– สบู่จะนอนก้นเป็นตะกอนขาวขุ่น ซึ่งต้องตั้งทิ้งไว้ให้เย็น จนเกล็ดสบู่ (soap) จับตัวเป็นก้อน สำหรับการทำสบู่ก้อนขุ่น

2.2 สมุนไพร
สมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนผสมทำสบู่มีมากมายหลายชนิด ซึ่งอาจประยุกต์ใช้สมุนไพรชนิดอื่นนอกเหนือจากที่ยกตัวอย่าง
– มะขาม มะนาว มะกรูดให้วิตามินซี และกรด ช่วยขัดเซลล์ผิว และป้องกันเชื้อจุลินทรีย์
– เปลือกมังคุดให้วิตามินดี ลดรอยด่างดำ
– มะละกอ ให้วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวให้ขาว
– ว่านหางจระเข้ ให้วิตามินอีช่วยลดรอยจุดด่างดำ
– ขมิ้น ดาวเรือง ช่วยบำรุงผิว

การเตรียมสมุนไพร สามารถทำได้โดย
– การทำเป็นผง ด้วยการตากแห้ง และนำมาบดให้เป็นผงละเอียด และนำตากให้แห้งอีกครั้ง
– การสกัดเป็นสารละลาย ด้วยการบดสมุนไพรให้ละเอียด และนำมาต้มสกัดหรือนำมาแช่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ผสมกับน้ำ

สบู่สมุนไพรควรเติมผงสมุนไพรประมาณร้อยละ 1-5 ของน้ำหนักสบู่ และสมุนไพรที่ได้จากการต้มสกัด ควรเติมประมาณร้อยละ 5-10 ของน้ำหนักสบู่

2.3 สารเติมแต่ง
– น้ำหอม เป็นสารเติมแต่งที่นิยมเติมในการทำสบู่ สามารถใช้ได้ทั้งน้ำหอมทั่วไปหรือน้ำหอมสำหรับสบู่
– ผงสี สารลดความกระด้าง สารรักษาความชื้น สารป้องกันการหืน ซึ่งสารเหล่านี้อาจไม่ใช้ก็ได้หากไม่สะดวกที่จะหาซื้อ

2.4 ขั้นตอนการทำสบู่
– นำเกล็ดเกล็ดสบู่ใส่หม้อภาชนะ ตั้งไฟอ่อนๆให้ละลายจนหมด
– เติมสมุนไพร หากเป็นผงประมาณไม่เกิน 50 กรัม หากเป็นน้ำสกัดไม่เกิน 100 ซีซี
– เติมสารเติมแต่ง เช่น น้ำหอม ผงสี และอื่นตามที่หาซื้อได้ พร้อมคนให้ละลายเข้ากัน
– เทสารละลายสบู่ในแม่พิมพ์ และรอจนแห้งตัวก็จะได้สบู่สำหรับใช้งาน

คราวนี้เราก็สามารถทำสบู่ไว้ใช้เองที่บ้านได้แล้วใช่ไหมครับ



ขอบคุณบทความจาก : http://www.miracle-soaps.com

มาทำความรู้จัก สบู่ และ วิธีการทำสบู่ใช้เองที่บ้าน

สบู่ เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดร่างกายที่ได้จากปฏิกิริยาของด่างกับไขมันจากพืชหรือสัตว์ ปัจจุบัน สบู่มีการใช้ส่วนผสมชนิดต่างๆเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของสบู่ให้มีลักษณะพิเศษ ตรงตามความต้องการใช้งานที่หลากหลายขึ้น เช่น ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ผิวขาวใส ทำให้ผิวนุ่ม ลื่น และ สะอาด

“สบู่” จากคำข้างต้น หมายถึง ผลิตภัณฑ์ของสบู่ที่ทำให้เป็นก้อนหรือเป็นของเหลว พร้อมด้วยส่วนผสมต่างๆ เพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับการใช้ทำความสะอาด ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์สบู่ที่เราใช้กันในทุกวันนี้ ส่วน “สบู่ (soap)” อีกคำที่พบในสมการเคมีจะหมายถึง สารตั้งต้นสำหรับการผลิตสบู่ นั่นก็คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากปฏิกิริยาระหว่างด่างเข้มข้นกับไขมันพืชหรือสัตว์ ร่วมด้วยกับกลีเซอรีน (Glycerine)/กลีเซอรอล (Glycerol) ซึ่งสารทั้งสองเป็นสารตั้งต้นในการทำสบู่เหมือนกัน แต่จะให้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเรียกว่า “เกล็ดสบู่”

รู้ไหมว่าสบู่ที่เราๆใช้กันโดยทั่วไปนี้คือ Detergen หรือสารซักฟอก เพราะถ้าเป็นสบู่ธรรมชาติที่แท้จริงนั้นจะต้องเกิดจากปฏิกริยาที่เรียกว่า Saponification ระหว่างด่างกับไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ ผลลัพท์ของปฎิกริยานี้จะได้สบู่และกรีเซอรีน ซึ่งมีคุณสมบัติดีต่อผิว แต่ด้วยเหตุผลในทางการค้าผู้ผลิตมักจะแยกเอากรีเซอรีนออกไป เราจึงได้ใช้แต่กากสบู่ แต่ถ้าคุณต้องการทำความสะอาดผิวไปพร้อมๆกับการถนอมและบำรุงผิวละก็ ลองนี่เลย สบู่ก้อนใสสมุนไพร สูตร มะเฟือง น้ำผึ้ง ขมิ้น วิธีทำก็ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาทำไม่ถึงครึ่งชั่วโมง สบู่สูตรนี้มีสรรพคุณเด่นเหนือสบู่ที่คุณๆใช้อยู่คือ จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าได้ดี เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวให้นวลเนียน กระชับรูขุมขน และลดสิวเสี้ยน ถ้าเราทำเอง ต้นทุน ต่อนำหนักสบู่ 1 กิโลกรัม ไม่เกิน 250 บาท สบู่สมุนไพรที่ทำขายกันทั่วๆ ไปไม่รู้ว่าเขาใส่อะไรลงไปบ้าง ดีจริงเหมือนโฆษณาหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เคยลองคำนวณราคาสบู่สมุนไพรที่เขาขายกันทั่วๆไปเฉลี่ยแล้วราคาประมาณ 1 บาท ต่อน้ำหนักสบู่ 1 กรัม หรือ กิโลกรัมละ 1,000 บาท ที่แนะนำนี่ไม่ได้ให้ทำขายนะ เพราะ พวก สบู่ผิวขาว ถ้าจะทำขายก็จะต้องไปทำบรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม ต้องมีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ต้องโฆษณา ต้องทำการตลาดและอะไรต่อมิอะไรอีกสารพัด ต้องการให้ทำของดีราคาถูกไว้ใช้เองดีกว่า

มาดูส่วนประกอบของสบู่ มีดังนี้ ไขมันพืช/ไขมันสัตว์ โซเดียมไฮดรอกไซด์/โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ = เกล็ดสบู่ (soap) กลีเซอรอล/กลีเซอรีน แอลกอฮอล์ น้ำ

ชนิดของสบู่
1. สบู่ก้อนขุ่น
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่รู้จัก และใช้กันมานานจนถึงปัจจุบัน มีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาวขุ่นหรือมีสีต่างๆ ตามสีของสารเติมแต่ง เช่น สีเขียว สีชมพู สีม่วง เป็นต้น สบู่ชนิดนี้ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่ผลิตได้จากปฏิกิริยาข้างต้นเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต ที่ให้คุณสมบัติเป็นก้อนแข็ง ขาวขุ่น ให้ฟองมาก

2. สบู่ก้อนใส
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่มีลักษณะก้อนใสหรือค่อนข้างใสตามสัดส่วนของกลีเซอรีนที่ผสม ก้อนสบู่จะมีลักษณะอ่อนกว่าสบู่ก้อนขุ่น และสามารถทำให้เกิดสีใสต่างๆตามสารให้สีที่เติมผสม สบู่ชนิดนี้จะให้ฟองค่อนข้างน้อยกว่าสบู่ก้อนขุ่น เนื่องจากมีส่วนผสมของกลีเซอรีนเป็นส่วนใหญ่ สารตั้งต้นที่ใช้อาจเป็นกลีเซอรีนเหลวหรือกลีเซอรีนก้อน (กลีเซอรีนเหลว เอทิลแอลกอฮอล์) ร่วมด้วยกับสารเติมแต่งชนิดต่างๆ

3. สบู่เหลว
เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่มีน้ำเป็นส่วนผสมทำให้เนื้อสบู่เหลว สีสีสันต่างๆตามสารเติมแต่ง สบู่ชนิดนี้ใช้สารตั้งต้นจากเกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากปฏิกิริยาข้างต้นเหมือนชนิดสบู่ก้อนขุ่น แต่ต่างกันที่จะใช้ด่างเข้มข้นโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์แทนโซเดียมไฮดรอกไซด์ เพราะจะให้เนื้อสบู่อ่อนตัวดีกว่า

ลักษณะของสบู่ที่ดี
1. มีความสามารถทำความสะอาดได้ดี
2. มีฟองในระดับที่เหมาะสม
3. มีความเป็นด่างน้อยในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหรือทำลายชั้นไขมันของผิว
4. สบู่ก้อนไม่มีเนื้อเหลว แตกหักง่าย
5. ไม่มีกลิ่นหืน มีกลิ่นหอมน่าใช้ และมีคุณสมบัติเฉพาะในบางกรณี เช่น สบู่ฆ่าเชื้อ

สารเคมีที่ใช้ทำสบู่
1. ไขมัน/น้ำมัน เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสารตั้งต้นสบู่ ไขมันหรือน้ำมันที่ใช้อาจได้จากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม เป็นต้น ส่วนไขมันที่ได้จากสัตว์ เช่น ไขมันโค กระบือ แกะ แพะ เป็นต้น คุณภาพของน้ำมันที่ได้จากพืช และสัตว์จะมีผลต่อคุณภาพของสบู่ เกล็ดสบู่ (soap)ที่ได้จากน้ำมันพืชจะให้ลักษณะขาวเนียน และกลีเซอรีนจะค่อนข้างใสกว่าน้ำมันจากสัตว์ นอกจานั้น เกล็ดสบู่ (soap) ที่ได้จากน้ำมันจากพืชจะมีกลิ่นหืนน้อยกว่าน้ำมันจากสัตว์ อีกทั้งน้ำมันจากพืชยังเป็นวัตถุดิบที่หาง่าย และราคาถูกกว่า

2. ด่างเข้มข้น เป็นสารเคมีสำคัญที่ใช้ทำปฏิกิริยากับไขมันธรรมชาติ ด่างเข้มข้นที่นิยมใช้ คือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งจะได้เนื้อสบู่สีขาวทึบ เนื้อก้อนแข็ง ให้ฟองมาก นิยมนำมาทำสบู่ก้อนทึบ และอีกชนิดหนึ่ง คือ โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งจะได้สบู่ในลักษณะเดียวกัน แต่เนื้อสบู่มีความอ่อนตัวได้ดีกว่า นิยมนำมาทำสบู่เหลว

3. สารเติมแต่ง เป็นสารเคมีสำหรับปรับปรุงคุณสมบัติของสบู่ เช่น สี น้ำหอม สมุนไพร สารป้องกันความชื้น สารลดความเป็นด่าง สารลดแรงตึงผิว สารทำให้ฟองคงตัว สารเพิ่มความแข็ง สารป้องกันการออกซิเดชัน สารบำรุงผิว สารฆ่าเชื้อ เป็นต้น เป็นสารเติมแต่งที่นิยมผสมในสบู่เพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะแก่การใช้ประโยชน์ในแต่ละอย่าง

วิธีการทำสบู่
การทำสบู่ในระดับอุตสาหกรรม และระดับครัวเรือน ในกรรมวิธีหลักๆจะไม่แตกต่างกันมาก แต่ในทางอุตสาหกรรมจะมีกระบวนการที่ละเอียด และซับซ้อนกว่า โดยในภาคอุตสาหกรรมอาจเตรียมสบู่สารตั้งต้นเองหรือสั่งซื้อจากอีกแหล่งที่ทำหน้าที่รับผลิต ทั้งที่เป็นเกล็ดสบู่ (soap) เพื่อผลิตสบู่ก้อนขุ่น หรือสบู่เหลว และกลีเซอรีน เพื่อผลิตสบู่ก้อนใส
1. การผลิตสบู่ในภาคอุตสาหกรรม
สำหรับภาคครัวเรือนสามารถผลิตได้ทั้งสบู่ก้อนขุ่น สบู่ก้อนใส และสบู่เหลว โดยนิยมสั่งซื้อเกล็ดสบู่ (soap) และกลีเซอรีน จากแหล่งจำหน่ายโดยไม่ต้องเตรียมเอง

ขั้นตอนการผลิตสบู่ภาคอุตสาหกรรม
– การฟอกสีน้ำมันวัตถุดิบเพื่อให้น้ำมันมีสีใส และไม่มีกลิ่นหืน
– การต้มสบู่ เพื่อให้ได้เกล็ดสบู่ และกลีเซอรีน ด้วยการเติมด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์หรือโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์
– ขั้นตอนการแยก โดยการแยกเกล็ดสบู่ และกลีเซอรีนออกจากกัน
– ขั้นตอนการฟิต เป็นการนำเอาเกล็ดสบู่เข้าหม้อฟิตเพื่อกำจัดเกลือที่ตกค้างในเกล็ดสบู่
– การระเหยน้ำ ด้วยการเป่าแห้งเกล็ดสบู่เหลวเพื่อกำจัดน้ำที่ผสมอยู่ และเพื่อให้เกล็ดสบู่แห้งจับตัวเป็นก้อน เรียกว่า สบู่ดิบ
– นำสบู่ดิบมาผสมกับส่วนผสมต่างๆ ภายใต้ความร้อนจนสารทั้งหมดละลายรวมตัวกัน และผ่านเข้าเครื่องอัดความหนาแน่นเพื่อให้สบู่เป็นก้อนที่คงตัว และสม่ำเสมอ
– เมื่อสบู่ที่ออกจากเครื่องอัดความหนาแน่นแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการรีดให้เป็นแท่งยาว และตัดด้วยเครื่อง
– ก้อนสบู่ที่ตัดเป็นก้อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการปั้มบนแม่พิมพ์ และตีตรา เข้าสู่ขั้นตอนการบรรจุในขั้นสุดท้าย

2. การผลิตสบู่สมุนไพรภาคครัวเรือน
2.1 สารตั้งต้น
การทำสบู่ในภาคครัวเรือนนิยมผลิตสบู่ก้อนขุ่น สบู่ก้อนใส และสบู่เหลว ซึ่งจะใช้สารตั้งต้นที่แตกต่างกัน โดยสามารถสั่งชื้อได้ตามอินเตอร์เน็ตหรือร้านขายส่งสารเคมีทั่วไป
– สบู่ก้อนขุ่น ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่เกิดจากการใช้ด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์
– สบู่ก้อนใส ใช้สารตั้งต้น คือ กลีเซอรีนก้อน
– สบู่เหลว ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่เกิดจากการใช้ด่างโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์

วิธีการเตรียมสารตั้งต้น
วัสดุ และสารเคมี:
– น้ำ 1 ลิตร
– โซเดียมไฮดรอกไซด์ 100 กรัม
– น้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม 3 ลิตร

วิธีการ:
– ละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ในหม้อที่ต้มน้ำ คนให้ละลายจนหมด และตั้งทิ้งไว้ให้อุ่น
– เทน้ำมันพืชลงในหม้อ กวนให้เข้ากัน และเทใส่แม่พิมพ์หรือภาชนะอื่น
– รินน้ำ และสารละลายใสที่เป็นกลีเซอรีนส่วนบนออก
– สบู่จะนอนก้นเป็นตะกอนขาวขุ่น ซึ่งต้องตั้งทิ้งไว้ให้เย็น จนเกล็ดสบู่ (soap) จับตัวเป็นก้อน สำหรับการทำสบู่ก้อนขุ่น

2.2 สมุนไพร
สมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนผสมทำสบู่มีมากมายหลายชนิด ซึ่งอาจประยุกต์ใช้สมุนไพรชนิดอื่นนอกเหนือจากที่ยกตัวอย่าง
– มะขาม มะนาว มะกรูดให้วิตามินซี และกรด ช่วยขัดเซลล์ผิว และป้องกันเชื้อจุลินทรีย์
– เปลือกมังคุดให้วิตามินดี ลดรอยด่างดำ
– มะละกอ ให้วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวให้ขาว
– ว่านหางจระเข้ ให้วิตามินอีช่วยลดรอยจุดด่างดำ
– ขมิ้น ดาวเรือง ช่วยบำรุงผิว

การเตรียมสมุนไพร สามารถทำได้โดย
– การทำเป็นผง ด้วยการตากแห้ง และนำมาบดให้เป็นผงละเอียด และนำตากให้แห้งอีกครั้ง
– การสกัดเป็นสารละลาย ด้วยการบดสมุนไพรให้ละเอียด และนำมาต้มสกัดหรือนำมาแช่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ผสมกับน้ำ

สบู่สมุนไพรควรเติมผงสมุนไพรประมาณร้อยละ 1-5 ของน้ำหนักสบู่ และสมุนไพรที่ได้จากการต้มสกัด ควรเติมประมาณร้อยละ 5-10 ของน้ำหนักสบู่

2.3 สารเติมแต่ง
– น้ำหอม เป็นสารเติมแต่งที่นิยมเติมในการทำสบู่ สามารถใช้ได้ทั้งน้ำหอมทั่วไปหรือน้ำหอมสำหรับสบู่
– ผงสี สารลดความกระด้าง สารรักษาความชื้น สารป้องกันการหืน ซึ่งสารเหล่านี้อาจไม่ใช้ก็ได้หากไม่สะดวกที่จะหาซื้อ

2.4 ขั้นตอนการทำสบู่
– นำเกล็ดเกล็ดสบู่ใส่หม้อภาชนะ ตั้งไฟอ่อนๆให้ละลายจนหมด
– เติมสมุนไพร หากเป็นผงประมาณไม่เกิน 50 กรัม หากเป็นน้ำสกัดไม่เกิน 100 ซีซี
– เติมสารเติมแต่ง เช่น น้ำหอม ผงสี และอื่นตามที่หาซื้อได้ พร้อมคนให้ละลายเข้ากัน
– เทสารละลายสบู่ในแม่พิมพ์ และรอจนแห้งตัวก็จะได้สบู่สำหรับใช้งาน

คราวนี้เราก็สามารถทำสบู่ไว้ใช้เองที่บ้านได้แล้วใช่ไหมครับ



ที่มา : http://www.miracle-soaps.com

2559/11/14

การซื้อ รถบ้าน ใช้แล้ว หรือรถมือสอง

การซื้อรถบ้านใช้แล้ว หรือรถมือสอง ถ้าเรามีความละเอียดรอบคอบเพียงพอในการเลือกซื้อ ไตร่ตรองถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจซื้อ ก็จะทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นว่าซื้อแล้วได้ใช้งานคุ้มค่า ผมเองก็เป็นอีกคนที่เลือกใช้รถมือสอง อาจเป็นเพราะสตางค์ในกระเป๋ามีจำกัด อีกทั้งไม่อยากเป็นภาระมานั่งผ่อน ทุกเดือน รถที่ผมใช้ก็ ถือได้ว่าตอบสนองเราได้เป็นอย่างดีเพียงแต่เราดูแลบำรุงรักษารถให้ดี ก็ใช้ไปได้อีกนาน ขนาดที่คิดได้ว่าจะไม่ยอมขายจะใช้ให้พังคามือเลย เป็นธรรมดา สำหรับรถดี ๆ ไม่จุกจิกกวนใจ กวนเงินในกระเป๋าเรา ทีนี้เรามาดูว่ารถมือสอง ที่เราจะซื้อมีวิธีการเลือก คร่าว ๆ อย่างไร

1. ดูตัวถัง body
รถสวยไม่สวยดูภายนอกรอบคัน ก็พอบอกได้ แต่จะดูให้ถึงว่าเคยชนมาหนัก ๆ มั๊ย ก็ต้อง
- เปิดฝากระโปรงหน้ามาดูคานหน้า คานรถทุกคันจะมีรู กลมบ้าง เหลี่ยมบางแล้วแต่ ถ้ารูเบี้ยว ไม่คมก็แสดงว่ามีโดนมา
- ป้ายทะเบียนรถยับมีรอยดัด ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าเคยโดนมา แผ่น plate ที่แปะติดคานมา มีรอยยับหรือดัดมาก็เช่นกัน
- สันด้านข้างตะเข็บความนูนเสมอกันหรือไม่ รอยอ๊าค จากโรงงานกับอู่เคาะพ่นสีก็ต่างกัน
- สำหรับด้านหลัง ก็เปิดฝากระโปรงดูเช่นกัน ไฟท้ายทั้ง 2 ดวงเสมอเบ้าหรือไม่ รอยแยกต่อชิ้นเว้นช่องไฟเท่ากันเปล่ามีเบี้ยวมีเกยกันมั๊ย คานหลังก็ใช้ลักษณะการสังเกตุเหมือนคานหน้าเพียงแต่ต้องลื้อพรมปูท้ายรถออกเพื่อให้เห็นพื้น
- พื้นรถด้านหลังโดยมากจะเป็นรอน ๆ ก็สังเกตุดูว่าเท่ากันหรือเปล่า รถบางคันโดนชนหลังมาช่างเคาะทำดีมากดูแทบไม่ออก มาเสียอีตอนน้ำเข้าตรงไฟท้ายเข้าได้แต่ออกไม่ได้ซะด้วยสิ ต้องเช็ด มีบางคันเศษกระจกหลังยังอยู่ให้เห็นเลยครับ
- ส่วนด้านข้าง ก็ดูเทียบสี จากโรงงานสีเดิม กับอู่สี สีจะเพี้ยนนิดหน่อยแต่ก็พอเห็น ผมใช้วิธีเคาะ ด้วยมะเหง็กของเรานี่แหละ เคาะรอบคันเลยรถ ที่ทำสีมาแล้วเสียงจะทึบ ๆ หน่อย ชิ้นที่สีเดิมจะมีเสียงโปร่ง ๆ หน่อยฟังดีดี จะรู้ถึงความต่าง อันนี้ไม่ยาก
- รถที่เคยหงายตะแคงล้อชี้ฟ้า ก็ดูหลังคารถเคาะ ๆ ดู สังเกตุขอบคิ้วกระจกหน้าหลัง เหมือนกันเปล่ามีรอยแตกของสีโป๊วมั๊ย หลังคาสีสดสวยกว่าประตูข้างมั๊ย

2. เครื่อง ช่วงล่าง เกียร์
- เครื่อง ถ้าเครื่องมีปัญหา หรือ หลวม จะเป็นอย่างนี้ เสียงดัง ไม่นิ่งรอบสูงบ้างต่ำบ้าง เวลาเครื่องร้อนเรา ก็ดูก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมา จะมีควันพุ่งออกมา หรือ น้ำมันเครื่องจะกระเซ็นกระสายเป็นละอองออกมาเอามือไปอัง ๆ ดูก็ได้
- เกียร์ ชุดส่งกำลัง คลัชต์ ถ้าเข้าเกียร์ ออกตัวแล้วสั่น แหงก ๆ กระตุก ๆ เข้าเกียร์ก็ยาก นั่นแหละมีปัญหา วิ่งๆ ไปมีเสียงประสาน หอนแหวกอากาศมาเข้าหูเรา เวลาเข้าเกียร์ว่าง รถจอดนิ่งๆ ไม่ดังก็นั่นแหละ เกียร์ไปแล้ว เกียร์ auto ก่อนเข้าเกียร์เหยียบเบรคคาไว้ เข้าเกียร์ตำแหน่ง D ไม่กระตุกกระชากก็พอได้เปราะหนึ่ง เข้าตำแหน่งเดิม N แล้วไป R ก็ไม่มีอาการอะไรก็แสดงว่าผ่านไปได้แล้ว 70 % มาลองวิ่งดูว่าเกียร์ทำงานทุกเกียร์เปล่า ไม่ใช่เปลี่ยนแค่ 2 เกียร์อันนี้เสร็จแน่ ออกตัวก็เช่นกัน ออกตัวดีมั๊ย ถ้าต้องรอสักพักถึงเคลื่อนตัวได้แสดงว่ามันจะแย่อยู่นะ
- ช่วงล่าง เวลาขับไปเจอฝาท่อ เจอถนนคอนกรีตที่กร่อน มีหลุม บ่อเล็กๆ ลุยเข้าไปเลย เดี๋ยวเสียงกรุ กระ จะปรากฏถ้าไม่แน่น หรือ อาจสะท้านมาถึงพวงมาลัยเลยก็มี

3. ภายในห้องโดยสาร
- กลิ่น ถ้าเปิดรถปุ๊บ สิ่งแรกที่กระทบจมูกโด่ง ๆ ของเราคือกลิ่นอับ ๆ ชื้น ๆ แสดงว่าน้ำเข้ารถ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เอายางปูพื้นออก ดูว่าพื้นพรมมีรอยชื้นของน้ำเปล่า ดูหมดทั้ง 4 จุด
- ดูความเรียบร้อย คอนโซล แตกมั๊ย ช่องแอร์สมบูรณ์เปล่า
- แอร์ เปิดแอร์ เบอร์ 1-4 เลยมันไล่ระดับความแรงหรือเปล่า แรงลมสำคัญจะบอกได้ว่าตันหรือเปล่า เปิดทิ้งไว้แล้วออกไปเดินดูรอบ ๆ รถ 5-6 ชั่วโมง ไม่ใช่ 5นาทีพอ แล้วเดินเข้าไปในรถก็จะรู้ว่าฉ่ำ หรือ ไม่ฉ่ำ มีเสียงอะไรดังผิดปรกติหรือเปล่าแอร์ตัดตามปกติมั๊ย ก็เท่านั้น



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://southern2car.com/

แนะนำเวปลงประกาศฟรี รองรับการแสดงผลทุกหน้าจอ Smart Phone Tablet Desktop

แนะนำเวปลงประกาศฟรี รองรับการแสดงผลทุกหน้าจอ Smart Phone Tablet Desktop

บริการลงประกาศฟรี โพสฟรี ลงโฆษณาฟรี ตลาดซื้อขายออนไลน์ ซื้อบ้าน ขายบ้าน รถมือสอง พระเครื่อง หางาน มือถือ คอมพิวเตอร์ ท่องเที่ยว กล้องดิจิตอล สัตว์เลี้ยง
สมาชิก สามารถสมัคร และ ลงประกาศฟรี ได้ไม่จำกัด สามารถเลื่อนประกาศได้ตลอดเวลา ประกาศหมดอายุจะไม่ลบออกไปจากระบบ สมาชิกสามารถที่จะต่ออายุประกาศ เพื่อนำกลับมาลงประกาศใหม่ได้ตลอดเวลา

หมวดหมู่เด่น กล้อง, อุปกรณ์ถ่ายภาพ, คอมพิวเตอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องประดับ, แฟชั่น , เสื้อผ้า, มือถือ , อุปกรณ์สื่อสาร, เฟอร์นิเจอร์, เสริมสวย , สุขภาพ, ท่องเที่ยว, ทัวร์, ที่พัก, อสังหาริมทรัพย์, อาหารเสริม, แม่และเด็ก, ธุรกิจ ,งาน, ต้นไม้ , สัตว์เลี้ยง, รถ, ยานพาหนะ
ลงประกาศได้ไม่จำกัด
1.2 สามารถเลื่อนประกาศได้ตลอดเวลา
1.3 สามารถต่ออายุการแสดงประกาศได้ตลอดเวลา
1.4 สามารถลบประกาศได้ตลอดเวลา
1.5 แก้ไขข้อมูลส่วนตัว เปลี่ยนรหัสผ่าน
1.6 สามารถเพิ่มรูปภาพได้ 6 รูปภาพ
1.7 มีระบบแจ้งลูกค้าว่า สินค้านี้ได้ขายแล้วหรือยัง
1.8 สามารถอัพเกรดโฆษณาของท่านเป้นแบบ VIP และ ปักหมุดได้ตลอดเวลา
1.9 แสดงรายการประกาศแบบ VIP แบบปักหมุด และแบบหมดอายุ

สนใจลงโฆษณาตำแหน่งพิเศษ สอบถามได้ที่ เปรมภูริศวร์ โทร 089-729-6997 เมลล์ s4340216@hotmail.com
คีเวิด: ลงประกาศฟรี ,Classified ,โฆษณาฟรี ,ลงโฆษณาฟรี ,รถยนต์,รถมือสอง,คอมพิวเตอร์,สุขภาพ,ความงาม



เครดิต : http://www.likeshopping.net

2559/11/05

การเลือกซื้อ รถยนต์มือสอง มีวิธีดูรถกันอย่างไร

การเลือกซื้อ รถยนต์มือสอง มีวิธีดูรถกันอย่างไร

ตามปกติทั่วไปแล้ว ถ้าคุณคิดจะซื้อรถยนต์มือสองมาสักคันหนึ่ง คุณคงตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราควรเลือกซื้ออย่างไรดี ซื้อมาแล้วจะคุ้มหรือไม่ เนื่องจากเป็นสินค้ามือสองทำให้คุณต้องใช้ความคิดอย่างหนักเลยทีเดียว เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น เราขอแนะนำเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกซื้อรถยนต์มือสองเบื้องต้น รับรองได้ว่าไม่ผิดหวังแน่นอน อาจจะเยอะสักนิดนะครับ

1. ดูกันตั้งแต่จอดอยู่ไกลๆ ซักราวๆ 5 - 3 เมตร ดูรูปทรงของตัวรถทั้งหมด ว่ามีการเอียงหรือไม่ เช่น
1.1 กันชนหน้า ไฟหน้า กระจังหน้า ต้องได้รูปไม่โน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่ง
1.2 ฝากระโปรงหน้า สังเกตร่องระหว่างฝากระโปรงกับแก้ม ต้องเป็นสันตรงกันทั้งสองข้าง ด้านหน้าต้องตรงกันรับกับไฟหน้าและกระจังหน้า
1.3 เสาหลังคา ว่ามีการโน้มเอียงไปหรือไม่ มีความนูนโค้ง หรือเสียรูปไปจากของโรงงาน
1.4 หลังคา ว่ามีการเอียง การยุบ หรือโค้งไม่ได้รูปอย่างไร
1.5 ประตู ร่องระหว่างประตู ระหว่างแก้มหน้า เสาประตู ประตูหลัง จนถึงแก้มหลัง ว่าร่องประตูต่างๆ สังเกตเปรียบเทียบกับรถป้ายแดง สังเกตว่าร่องประตูต่างๆ จะตรงกัน
1.6 กันชนท้าย และฝากระโปรงท้าย ต้องตรงกันไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่ง
1.7 ความสูงต่ำ ว่ามีอาการเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่ หรือมีการดัดแปลงช่วงล่างมาอย่างไร

2. สีรถ ดูระยะเริ่มใกล้ ราวๆ 1- 3 เมตร ดูสีรถรอบคัน ว่ามีส่วนไหนที่ทำสีมาแล้วบ้าง สังเกตสีที่แตกต่าง ความเรียบของผิวรถ ตำหนิต่างๆ เกี่ยวกับสี หรือว่าเคยทำสีมาทั้งคัน ถ้าทำสีมาทั้งคันแล้วต้องดูให้หนัก ต้องสันนิษฐานว่าทำสีทั้งคันเพราะอะไร เจ้าของเดิมเบื่อไม่ชอบสีเดิม สีซีดแล้วไม่สวย เกิดอุบัติเหตุทุกที่ หรือรุนแรงจนอู่ต้องตัดสินใจทำสีใหม่ทั้งคัน

3. เคาะฟังเสียง โดยการแอบไล่เคาะรถบางส่วนหรือรอบคันเพื่อฟังเสียง รถที่ทำสีแล้วมักจะมีการโป๊ว การโป๊วหนาย่อมหมายถึงอุบัติเหตุมาก เราสามารถเคาะดูเสียงที่แตกต่างกันได้ โดยการไล่เคาะฟังเสียงไปทั้งๆ คัน

4. คานหน้ารถ ต้องเปิดฝากระโปรงหน้ารถดูว่า คานหน้าที่ยึดหม้อน้ำว่ามีการทำสีมาหรือไม่ มีการโป๊วสี หรือซ่อมมาอย่างไร สังเกตจากรูน็อตต่างๆ ต้องยังกลม และหมายเลขหน้ารถต้องยังชัดเจน หรือแผ่นเพทต้องไม่เคยชำรุด ทั้งคานบนล่างต้องได้รูป

5. ภายในห้องเครื่อง ว่ามีการทำสีมาแล้วหรือไม่ สังเกตรูปทรงต่างๆ ต้องจับผิดทุกจุด ทั้งรูน็อตต่างๆ รูปทรงต่างๆ ว่าต่างจากของโรงงานมาอย่างไร

6. ภายในฝากระโปรงท้าย เปิดดูว่าคานยึดฝากระโปรงท้าย เบ้ายึดไฟท้าย ห้องเก็บยางอะไหล่ ว่ามีการทำสี เคาะ โป๊ว หรือ ตัดเชื่อมมาหรือไม่ ควรก้มดูด้านล่าง สังเกตหูลากรถ ว่าต่างจากของเดิมมาอย่างไร

7. ใต้ท้องรถ ส่วนใหญ่แล้วมักจะมองข้ามกัน แต่ใต้ท้องรถบ่งบอกถึง การใช้งานแบบทุรกันดาร การตัดต่อตัวถัง การเสียรูปของตัวรถ ความผุของตัวถังที่มักเริ่มจากพื้นรถเป็นอันดับแรก สังเกตเฟรมใต้ท้อง ความบุบครูด สนิมที่เริ่มผุ หรือการแยกกันแล้วของตัวถังรถ

8. ภายในรถ ดูรถมาตั้งนานได้เปิดดูภายในกับเขาเสียที เราต้องเปิดดูภายในเป็นอันดับแรก มาดูว่าต้องดูอะไรบ้าง
8.1 เบาะรถยนต์ ดูว่าเก่าขาด หรือยุบตัวทางด้านไหน หรือเปลี่ยนใหม่มาแล้ว เปลี่ยนเพราะอะไร ใช้งานหนักจนเบาะชำรุดมาก หรือเบาะเดิมไม่สวยถึงได้เปลี่ยนใหม่
8.2 คอนโซลหน้า ว่าเป็นของเดิมจากโรงงาน ไม่เสียรูป มีการแตกที่ผิดปกติ หรือเปลี่ยนใหม่เพราะอะไร
8.3 หน้าปัด เป็นการดูว่าหน้าปัดยังเป็นของเดิมตรงรุ่น ดูระยะกิโลการใช้งาน แต่การเชื่อถือระยะกิโลเป็นหลัก ก็ยังเป็นการผิด เพราะสามารถปรับแต่งกันได้ หรือรถใช้น้อยแต่เครื่องพัง วิ่งลุยน้ำทุกวัน หรือใช้งานหนัก สู้เลือกรถใช้งานมาก แต่ขับถนอมดีกว่า
8.4 พวงมาลัย และ หัวเกียร์ สังเกตพวงมาลัยว่า มีการยุบอย่างไร พวงมาลัยและหัวเกียร์ที่ผ่านการใช้งานหนัก จะมีการสึกหรอสูง จนเป็นมัน เป็นรอยแตก สังเกตลายที่แตกต่างบนพวงมาลัย
8.5 ผ้าหลังคารถ ว่ายังเป็นของเดิมมาจากโรงงาน มีการประกอบยึดใหม่ หรือเปลี่ยนใหม่เพราะอะไร

9. เครื่องยนต์ ถือเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน สังเกตุหาการซ่อมแซม สตาร์ทเครื่อง ฟังเสียง เปิดฝาเติมน้ำมันเครื่อง แล้วสังเกตไอน้ำมันเครื่อง เสียงท่อไอเสีย ควันจากท่อ หรือถ้ามีบุ๊กเซอร์วิสติดมา จะเป็นการดีครับ ลองเปิดดูประวัติการซ่อม และดูด้วยว่าต้องต้องตรงกับทะเบียนรถ และเลขไมล์ในตัวรถ

10. ช่วงล่าง และล้อยาง ลองหมุนโยกพวงมาลัยแรงๆ แต่การทดลองขับขี่เป็นการดีที่สุด ทดสอบการเกาะถนนทางตรงและทางโค้ง ศูนย์ของรถต้องไม่กินซ้ายกินขวาต้องทดลองเลี้ยวกลับรถแบบสุดๆ ทั้งซ้ายและขวา การคืนพวงมาลัย ขึ้นเนินลูกระนาด หรือทดลองบนทางขรุขระ ทุกรูปแบบที่สามารถจะทดสอบได้

ข้อแนะนำ
การเลือกซื้อรถมือสอง มีอีกหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึงอย่างที่ควรรู้ เช่น การตัดต่อตัวถังรถยนต์ การสวมทะเบียนรถ การทำเลขตัวถังขึ้นใหม่ การทำทะเบียนปลอม การซ่อมรถจากซากรถ
การดัดแปลงรถแท็กซี่ การดัดแปลงจากรถรถสองแถววิน แต่การเลือกที่ดีที่สุด คือการหาผู้ที่เชี่ยวชาญดูรถและช่วยตัดสินใจให้ การซื้อจากเจ้าของรถที่รู้จักกัน เต้นท์รถที่มีชื่อเสียงและไว้ใจได้ เพราะส่วนใหญ่แล้วเต้นท์รถส่วนมากมักจะเลือกซื้อรถที่สภาพดี เพื่อป้องกันการขาดทุน การขายไม่ได้ หรือปัญหาหลังการขายอยู่แล้ว



ขอบคุณบทความจาก : http://southern2car.com/